นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (สดช.) หรือ บีดีอี  หารือร่วมทำความตกลงกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)  เพื่อเตรียมขยายโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชนเพื่อการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในสาขาหรือที่ทําการไปรษณีย์ ของปณท ที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยให้นำร่องด้วยการคัดเลือกที่ทำการฯ ที่มีศักยภาพในแต่ละพื้นที่ เพื่อเปิดให้คนในชุมชนต่างๆ ได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เรียนรู้ และใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการสร้างรายได้ สร้างอาชีพเพิ่มขึ้น และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อยกระดับชีวิตตนเองและคนในครอบครัว

“ในเบื้องต้น คาดว่าจะเริ่มได้ในที่ทําการไปรษณีย์ หลักสี่ เนื่องจากมีความพร้อมด้านสถานที่ กำลังคน โดยจะมีการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการไลฟ์ หรือขายของ ทำอีคอมเมิร์ซ  ซึ่งคิดว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี ที่พี่น้องประชาชน ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา จะได้มีสถานที่เพิ่มพูนทักษะด้านดิจิทัล และการหาอาชีพและรายได้เสริมเพิ่มขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คนนิยมซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น  ซึ่งได้ทำความตกลงกับ ปณท ว่า ต่อไปนี้ พื้นที่หรือสาขาแห่งใดที่มีศักยภาพในการตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน ก็จะให้ สดช. นำอุปกรณ์ไปติดตั้งเพื่อทำศูนย์ดิจิทัลชุมชนเพิ่มเติมได้เลย”

ทั้งนี้ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างประชาชนกับรัฐเป็นช่องทางการรับบริการอิเล็กทรอนิกส์ การเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์เพื่อการเรียนรู้ผ่านดาวเทียม วิดีโอออนดีมานด์ และการให้ความรู้ด้านการทำธุรกิจและประกอบอาชีพผ่านระบบออนไลน์ โดยปัจจุบันกระทรวงดีอี โดย สดช. ได้มีการศูนย์ดิจิทัลชุมชนอยู่ 1,722 แห่ง ทั่วประเทศ  โดยเป็นการลงนามสัญญาเมื่อปี 66 ครบกำหนดสัญญาในปี 71 โดยสถิติการให้บริการศูนย์ดิจิทัลชุมชน  ตัวเลขปี 66 มีจำนวนผู้เช้ามาใช้บริการแบบวอล์กอิน จำนวน  3,934,700 คน และมีจำนวนผู้ใช้บริการแบบออนไลน์ หรือ อี-เซอร์วิส จำนวน 575,700 คน.