รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับเงินหมื่นบาทตามนโยบายรัฐบาล

ภายหลังรัฐบาลดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปแล้ว 2 ครั้ง ผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ รวมประมาณ 17 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณกว่า 1.85 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ยังเหลือประชาชนอีกกลุ่มใหญ่ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐของรัฐบาลไปแล้วก่อนหน้านี้ คือ บุคคลทั่วไปที่มีอายุ 16-59 ปี ที่จำนวน 16 ล้านราย ซึ่งคนกลุ่มนี้กำลังรอความชัดเจนของรัฐบาลว่า จะเริ่มต้นการแจกเงินได้ภายในเดือนไหน แม้ว่าที่ผ่านมา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะยืนยันว่า การแจกเงินดิจิทัล 10,000 เฟส 3 ให้กับบุคคลทั่วไป จะจ่ายได้ภายไตรมาส 2 ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568

ด้วยเหตุนี้ จึงต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 10 มีนาคม นี้ ว่าที่ประชุมจะอนุมัติโครงการ พร้อมทั้งรายละเอียดเงื่อนไขต่าง ๆ ออกมาทันทีหรือไม่ เพื่อให้กระบวนการขับเคลื่อนการทำงาน สามารถทันตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งใจไว้ว่า จะผลักดันให้ได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ขณะที่กระทรวงการคลัง ยังเสนอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการแคช เอาต์ หรือการให้ร้านค้าถอนดิจิทัลออกมาเป็นเงินสดได้ง่ายขึ้น โดยจากเดิม ร้านค้าที่ถอนเงินสดได้จะต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น เปลี่ยนมาเป็นร้านค้ารายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบภาษี ก็สามารถถอนเงินสด เพื่อจูงใจให้เข้าร่วม และให้มีเงินหมุนเวียนในผู้ประกอบการรายย่อยแทนรายใหญ่

นอกจากนั้น กระทรวงการคลังยังเตรียมสรุปมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้น อาทิ มาตรการแปลงกองทุน LTF เดิมไปเป็นกองทุน Thai ESG X (กองพิเศษ หรืออาจใช้ชื่ออื่น) เพื่อหยุดแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ปัจจุบันมีมูลค่าคงค้างเหลืออยู่กว่า 1.8 แสนล้านบาท