เมื่อวันที่ 9 มี.ค. พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต ผบก.ภ.จว.สกลนคร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามจับกุมผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมอำพราง นายวิเชียร (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ (สงวนนามสกุล), นายพีรพัฒน์ (สงวนนามสกุล) และนายสกล (สงวนนามสกุล) ส่วน นายพรชนก (สงวนนามสกุล) อยู่ระหว่างหลบหนี

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก กลางดึกคืนวันที่ 10 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.นันท์มนัส โพธิ์ศรี สว.สอบสวนฯ สภ.วานรนิวาส ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันบริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เป็นเหตุให้ นายวิเชียร เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากการสอบสวน นายสมศักดิ์ ให้การอ้างว่าตนได้ขับรถกระบะ โดยมีนายวิเชียรนั่งอยู่กระบะหลัง ส่วน นายพรชนก ขับรถกระบะอีกคันตามหลังมา โดยลากจูงรถยนต์อีกคันที่มี นายพีรพัฒน์ ควบคุมอยู่ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ นายวิเชียร ได้พลัดตกลงจากรถกระบะ และถูกรถยนต์ที่ลากจูงมาทับร่างจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อพิรุธหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผู้ตายได้ทำประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ไว้ถึง 22 กรมธรรม์ กับบริษัทประกันภัย 12 แห่ง รวมวงเงินประกันภัยที่น่าจะได้รับประมาณ 14 ล้านบาท ก่อนเกิดเหตุไม่นาน

จากการสอบถาม นางสาวบัวเรียน พี่สาวของผู้ตาย ให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณเดือนตุลาคม 2567 นายสกล ซึ่งเป็นญาติได้เข้ามาช่วยเหลือเกี่ยวกับเงินประกันภัยของบิดา และได้พูดคุยปรับทุกข์กับตนถึงพฤติกรรมของ นายวิเชียร ที่ชอบทำร้ายบิดามารดาและบุตรชายของตน ตนจึงได้พูดออกไปด้วยอารมณ์โมโหว่า “ช่วยเอามันไปตายไหนก็ได้เพื่อสั่งสอน” โดยไม่ได้มีเจตนาทำตามที่พูด

หลังจากนั้น นายสกล ได้โทรศัพท์มาหาตนบอกว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน ซึ่งตนไม่ได้คิดอะไรมาก ต่อมาในวันที่ 10 ก.พ. 68 ก่อนเที่ยงวัน นายสกล ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าจะมาเอา นายวิเชียร ไปสั่งสอน แต่วันนั้นตนไม่อยู่บ้านคาดว่า นายสกล ได้มารับ นายวิเชียร ไปสั่งสอนจริง กระทั่งเวลา 23.00 น. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่านายวิเชียรได้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต พอตนทราบเรื่องก็รู้สึกสำนึกผิดและสงสารน้องชายที่เสียชีวิตโดยไม่เป็นธรรม จึงได้เล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเพื่อประกอบการดำเนินคดี เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ.