การเมืองร้อน ๆ ยุค รัฐบาลสูตรพิสดาร ในศึก “แดง ปะทะ น้ำเงิน” เล่นเอา ประชาชนคนไทย ปวดกบาล ตั้งคำถามว่า รัฐบาลเล่นอะไรกัน

เพราะเห็นได้ชัดว่า มีการแบ่งเป็นสองขั้วสองฟาก ปะทะกันอย่างดุเดือด  ฟากแรก สีแดง มี “นายกฯเจนวาย” อย่าง แพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้นำ มี “คุณพ่อทักษิณ ชินวัตร” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นคีย์แมน อีกฟากคือ สีน้ำเงิน พรรคภูมิใจไทย มี “หนู หวานเจี๊ยบ” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มี “ครูใหญ่เนวิน ชิดชอบ” เป็นผู้คุมเกม

สองฟาก “แดงVSน้ำเงิน” เดินเกมฟาดฟัน งัดสารพัดวิชามาห้ำหั่น หักเหลี่ยมกัน ตั้งแต่ กัญชา กาสิโน พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย เขากระโดง อัลไพน์ มาจนถึงแนวโน้มการไม่ต่อสัญญาการจัดการแข่งขันโมโตจีพี

จนทำให้ต้องมีการพบปะระหว่าง 4 ผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อเคลียร์ปมร้อนปมร้าย โดย “อนุทิน” ยอมรับว่า ได้พา นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการหารือในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่เฉพาะเรื่อง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน 

ล่าสุด คดีร้อน ฮั้วเลือกสว.  คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติ 11 ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่รับคดีโพยฮั้วเลือก สว. ในความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจรไว้เป็นคดีพิเศษ แต่เห็นชอบให้รับเฉพาะความผิดฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 (1) ในบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนคดีฟอกเงิน

งานนี้ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาซัดตรง ๆ ว่า  รัฐบาลมีสภาวะเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน มีการปะทะกันระหว่างการทำงานของสองขั้ว การทำงานไม่เป็นเอกภาพ การจะบอกว่าเสือตัวไหนแข็งแรง จะดูแค่ที่นั่งสส.ไม่ได้ เพราะมีปัจจัยที่มากกว่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลมีความอ่อนแอลง ผนวกกับมีผู้มีอำนาจที่อยู่นอกรัฐบาลเข้ามามีปัจจัยเกี่ยวข้อง ในการล็อบบี้ต่างๆ สุดท้ายจึงทำให้ดีเอสไอไม่สามารถที่จะทำคดีเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษได้อย่างเต็มที่ การตั้งข้อกล่าวหาจึงดูค่อนข้างแปลกประหลาด

ขณะที่ “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช ฟันธงว่า ผลการประชุมกคพ.ครั้งนี้น่าจะมาจากการพูดคุยกันของ 4 ผู้ยิ่งใหญ่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าหรือไม่ จึงทำให้ผลการประชุมกคพ. ออกมาในลักษณะพบกันครึ่งทาง คดีฮั้วเลือกตั้งสว.ครั้งนี้ จากเริ่มต้นฮั้วสว. เป็นฮั้วอำนาจ ไม่ต่างอะไรกับขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไป กลายเป็นบ้องกัญชา

ส่วน “สมชาย แสวงการ” อดีตสว. ออกมาถาม ‘กกต.’ ว่า จะสอย คดีฮั้ว สว. กี่โมง เพราะที่ผ่านมา กกต. แถลงว่า มีเรื่องร้องเรียนว่า มีขบวนการฮั้วเลือกสว. และใช้ระยะเวลาสืบสวน เกือบ8เดือน จนบัดนี้ยังไม่มีการสอยสว. ไม่เห็นว่า มีสว.คนใดถูกสอย แบบรับรองไปก่อน สอยทีหลัง จึงอยากถาม กกต. ว่า ได้สั่งดำเนินคดีใครได้บ้าง กี่ราย และไม่แปลกใจ ที่สังคมบางส่วนเห็นด้วยกับดีเอสไอเร่งสืบสวน เอาผิดขบวนการฮั้วเลือกสว.

ซึ่ง “แสวง บุญมี” เลขาธิการกกต. ออกมายืนยันว่า  กกต.ไม่นิ่งเฉย ส่งคดีไปถึงศาลฎีกาฟันแล้ว 3 คดี จากคำร้อง 220 เรื่อง โดยพิจารณาเสร็จแล้ว 109 เรื่อง

เป็นคดีร้อน ที่ต้องเร่งสร้างความกระจ่าง เพราะถ้าปล่อยเนิ่นนาน ความเสื่อมจะมาเยือนการเมืองไทย.