เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ปัจจุบันนี้เราอาจได้ยินคำว่า “ประชากรลดลง” มากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศทั่วโลก ปัญหานี้ไม่ได้แค่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในครอบครัว แต่ยังส่งผลถึงเศรษฐกิจ สังคม และอนาคตของประเทศนั้นๆ ด้วย ซึ่งจากผลสำรวจของ 15 ประเทศ ที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก

โดยผลการจัดอันดับและข้อมูลในครั้งนี้มาจากทาง Global Statistics โดยเป็นการเก็บสถิติ ประเทศที่มีอัตราการเกิดน้อยที่สุดในโลก ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1950-2024 ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศไทยเราติดอันดับ 3 และถ้าตัวเลขอยู่แบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ ในอนาคตอาจจะไม่มีคนไทยอีกเลยก็ว่าได้

โดยเรื่องนี้ได้มีชาวพันทิปได้ตั้งกระทู้ถามทำไมคนสมัยนี้ถึงไม่อยากมีลูก ? ซึ่งเธอระบุว่า  “ทำไมคนเดี๋ยวนี้ไม่อยากมีลูกกันแล้ว” ก่อนจะได้รับการตอบกลับหลากหลายเหตุผล โดยส่วนใหญ่จะเหตุผล คือ สภาพเศรษฐกิจ และ สภาพสังคม ไม่เอื้ออำนวยให้มีลูก

-ลึกๆหลายๆคนก็ยังอยากมีนะ แต่ค่าครองชีพ ค่าเลี้ยงดู ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายต่างๆมันสูง และประเทศของเรากว่าเด็กจะลืมตาอ้าปากได้ ก็ต้องไปถึง ม.6 หรือ ปริญญาตรีเลย (ต่อให้เด็กทำงานพาร์ทไทม์ ก็ช่วยได้แค่ค่าใช้จ่ายรายวันบางส่วน ไม่ได้สูงพอจะซื้อไอโฟนเหมือนอย่างพาร์ทไทม์ในต่างประเทศ)

ความหมายคือ ระหว่างนั้น ชะตากรรมของลูกขึ้นอยู่กับพ่อแม่ล้วนๆครับ ซึ่งพ่อแม่หลายๆคนก็มีความกังวล ไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองต้องมาลำบากเหมือนตัวเอง เลยไม่อยากแบกรับความเสี่ยงไว้

-สมัยก่อนเห็นแต่ด้านดี มีความสุขเมื่อมีลูกตัวน้อย มีความสุขเมื่อลูกโตช่วยงานได้ มีความสุขเมื่อลูกเลี้ยงเมื่อยามแก่เฒ่า

แต่สมัยนี้ ลูกน้อยก็ต้องเลี้ยงให้ดี เข้าโรงเรียนแต่ละทีก็ใช้เงินมาก โตมาก็ต้องหาเงินให้ลูกซื้อของกินของใช้ของเล่นไม่รู้จบ ยามแก่เฒ่าก็ต้องดูแลตัวเอง ปัญหาและภาระเยอะแยะออกสื่อมากมาย คนก็เลยคิดมากก่อนจะมีลูกสักคนครับ

-ค่านิยมเปลี่ยนไป สมัยก่อนค่านิยมมีลูกเพื่อเลี้ยงตัวเองตอนแก่ คนสมัยนี้ถ้าทำแบบนั้นมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบใดๆเกาะลูกกินหวังให้เลี้ยงดูตอนแก่ จะโดนด่าเข้าให้ ขนาดเสียสละและเป็นภาระมาทั้งชีวิตยังโดนด่าว่าไม่ได้ขอให้เกิด ทำเกิดมาแล้วจะต้องตามใจเขาทุกอย่าง เขาอยากได้อะไรต้องตามใจเขาเพราะว่าทำให้เขาเกิดมาแล้ว

กับค่านิยมอีกอย่างสมัยนี้คือความรับผิดชอบ ในเมื่อทำให้เขาเกิดมาแล้วก็จะต้องเป็นภาระเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด ให้โอกาสเขาให้ดีที่สุดซึ่งมันใช้เงินมากและเป็นภาระมากใครที่มีความรับผิดชอบ ก็จะคิดได้ว่าถ้าจะมีภาระขนาดนั้นลำบากขนาดนั้นไม่มีสบายกว่าเยอะเลยซึ่งมันก็จริงๆด้วยนั่นแหละ

กว่าที่เด็กคนหนึ่งจะโตขึ้นมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าบ้านนั้นมีมากกว่า 1 คนไหนจะค่ากินอยู่ไหนจะค่าการศึกษา ไหนจะต้องพาเดินทางไปไหนๆและเรื่องที่ต้องรับผิดชอบอีกมากมาย มันเป็นภาระที่มากมายมหาศาลของคนที่เป็นพ่อและแม่