เมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 นายสนธิ บุญศิริ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขานครราชสีมา เปิดเผยว่า กรณีประปาภูมิภาคนครราชสีมา คาดการณ์ว่าจะเหลือปริมาณน้ำดิบที่สามารถใช้ผลิตประปาได้เพียง 20 วัน เนื่องจากบ่อเก็บน้ำดิบของการประปา 3 บ่อที่ ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ เหลือปริมาณน้ำดิบแค่ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุทั้งหมด 4.1 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่เขื่อนมูลบนและเขื่อนลำแชะ ที่เป็นแหล่งน้ำดิบขนาดใหญ่ประสบปัญหาน้ำเหลือน้อย จึงงดการปล่อยน้ำลงสู่ลำน้ำมูล ไม่สามารถสูบน้ำมาผลิตประปาได้ สร้างความหวั่นวิตกแก่ชาวบ้านทั่วไป รวมถึงผู้ใช้น้ำจากการประปาส่วนภูมิภาค 46,000 ราย กลัวจะได้รับผลกระทบขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค

ขณะเดียวกัน จากวิกฤติดังกล่าวการประปาส่วนภูมิภาคนครราชสีมา ได้หารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดและชลประทาน ก่อนได้ข้อสรุปว่า เขื่อนมูลบนและเขื่อนลำแชะ แหล่งน้ำดิบขนาดใหญ่ที่ อ.ครบุรี มีการปล่อยน้ำลงสู่ลำน้ำมูลรวม 20 ล้านลูกบาศก์เมตร เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ระยะทางการไหลของน้ำจากเขื่อน 2 แห่งมาถึงโรงผลิตประปาภูมิภาค 114 กิโลเมตร ผ่านฝายกั้นน้ำและประตูระบายน้ำ 17 แห่ง ในเขต อ.ครบุรี อ.โชคชัย และ อ.เฉลิมพระเกียรติ คาดว่าต้องใช้เวลา 10 วันกว่าน้ำจะมาถึง

ล่าสุด จาการลงพื้นที่ประตูระบายน้ำบ้านไร่ ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย เป็นฝายตัวที่ 13 พบว่าปริมาณน้ำจากทั้ง 2 เขื่อน ไหลลงลำน้ำมูลมาถึงจุดนี้แล้ว จึงเริ่มเปิดบานประตูระบายน้ำ 2 บาน เพื่อเร่งระบายน้ำไหลมาสู่พื้นที่เป้าหมายที่โรงสูบน้ำประปา ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเหลือระยะทางอีก 30 กิโลเมตร คาดว่าอีก 1 วัน น้ำจะไหลถึงจุดสูบประปา ซึ่งน้ำมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมคาดไว้ 10 วัน แต่ไหลจริงแค่ 5 วันก็มาถึงจุดหมาย หลังจากนั้นก็จะสามารถสูบน้ำดิบจากลำน้ำมูลเข้าสู่ระบบผลิตประปาได้ตามปกติ

โดยระบบมีการต่อท่อสูบตรงจากลำน้ำมูลเข้าระบบผลิตประปาได้ทันที ขณะเดียวกันได้เตรียมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 6 เครื่อง ทำการสูบน้ำไปกักเก็บไว้ในบ่อน้ำดิบ 3 บ่อให้เต็มความจุ 4.1 ล้านลูกบาศก์เมตร สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าฤดูแล้งนี้การประปาภูมิภาคนครราชสีมา สามารถผ่านวิกฤติแล้งนี้ได้แล้ว ต้องขอขอบคุณทางชลประทานที่ให้ความอนุเคราะห์ปล่อยน้ำ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอต่อการผลิตประปาภูมิภาคอย่างแน่นอน.