“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คิดว่าคงจะมีทางออกสำหรับปัญหา หลังจากที่ศาลฎีกา พิพากษาให้ สมาคมลูกหนังไทย จ่ายเงิน บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) 360 ล้านบาท

คดีนี้ ต่อเนื่องจากผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชุดที่แล้ว จากที่ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท ยื่นฟ้อง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เรื่องลิขสิทธิ์ สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ละเมิด ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คดีสู้กันผ่านศาลชั้นต้น ที่สั่งให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จ่าย บมจ.สยามสปอร์ต 50 ล้านบาท และศาลอุทธรณ์ ที่ให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จ่าย บมจ.สยามสปอร์ต 450 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ก็ให้ บมจ.สยามสปอร์ตฯ จ่าย 240 ล้านบาท แก่ บจก.ซีนิเพล็กซ์ ที่ยื่นฟ้อง บมจ.สยามสปอร์ตฯ ด้วย

ก่อนที่ บมจ.สยามสปอร์ตฯ และ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะฎีกา และล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา แก้เป็นว่าให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่ บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์เป็นเงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

ขณะเดียวกัน “มาดามแป้ง” ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 มี.ค.68 ว่า “ทุกปัญหา(คง)มีทางออก ‘It’s not the end of the world’ (ขอยกคำสอนของคุณพ่อโพธิ์พงษ์ ไว้เตือนใจ)” โดยโพสต์ดังกล่าว ได้ใส่ อิโมจิ ตาชั่ง ที่เป็นสัญลักษณ์ของกฎหมายและความยุติธรรม, ลูกฟุตบอล นั่นทำให้คาดว่า มาดามแป้ง หมายถึงคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว ที่เธอพูดถึงหลายครั้ง และทราบกำหนดการแต่แรกว่า จะมีคำสั่งศาลฎีกา ในวันที่ 6 มี.ค.68

สำหรับ มาดามแป้ง ตอนนี้ อยู่ในระหว่างเยี่ยมสำนักงานใหญ่ ฟีฟ่า ที่ซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ล่าสุดเมื่อ 6 มี.ค. ก็ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ มาธิอัส กราฟสตรอม เลขาธิการ ฟีฟ่า เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาฟุตบอลไทยในอนาคต