สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ว่า นายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศจีน แถลงนอกรอบการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันศุกร์ มีเนื้อหาในตอนหนึ่ง ว่าสหรัฐต้องยุติการใช้มาตรการขึ้นภาษี “อย่างไร้เหตุผล” พร้อมทั้งยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลปักกิ่งร่วมมืออย่างจริงจังกับสหรัฐมาตลอด ในการปราบปรามเฟนทานิล


ขณะเดียวกัน หวังกล่าวว่า ขอตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่านับตั้งแต่ขึ้นภาษีกับจีน “ความได้เปรียบทางการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น หรือส่วนต่างการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนน้อยลงหรือยัง” และ “คุณภาพชีวิตของชาวอเมริกันดีขึ้นแล้วหรือไม่”


หวังกล่าวด้วยว่า ประเทศใดก็ตาม “ไม่ควรเพ้อฝัน” ว่าจะสามารถกดดันจีน แต่ในเวลาเดียวกัน กลับยังคงยืนยันว่า ต้องการรักษาความสัมพันธ์กับรัฐบาลปักกิ่ง “การตีสองหน้า” เช่นนี้ ไม่เคยส่งผลดีต่อการรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ และการเสริมสร้างความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน


เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงของรัฐบาลปักกิ่งกล่าวอีกว่า ในฐานะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก ตามลำดับ สหรัฐและจีนต้องแสวงหาแนวทางสายกลาง “เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ”


หวังทิ้งท้ายในประเด็นนี้ ว่าความสัมพันธ์และความร่วมมือทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน “คือผลประโยชน์ร่วมกัน” หากสหรัฐเลือกที่จะร่วมมือ จีนยินดีแบบเดียวกัน และเชื่อมั่นว่า จะก่อให้เกิดผลประโยชน์เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย แต่หากสหรัฐเลือกที่จะกดดันจีน จีนจะต่อสู้จนถึงที่สุดเช่นกัน.

เครดิตภาพ : AFP