จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง 4 คน คือ “อดีตนายกฯ แม้ว” ทักษิณ ชินวัตร “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “เสี่ยโอ้ง”เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พบกันที่โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ เพื่อหารือเคลียร์ใจในหลายเรื่อง ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปรากฏว่า จริงๆ แล้วทั้ง 4 คน พบกันเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 2 มี.ค. ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หารือเรื่อง 1.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และ 2.การพนันออนไลน์ ไม่ได้พูดคุยในเรื่องอื่น ซึ่งทั้ง 2 เรื่องยังถูกชะลอไม่เข้าที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 3 มี.ค.

เสี่ยหนูถามสื่อว่า รู้ได้อย่างไรว่ามีพบกัน เป็นคนชวนนายเนวินไปเอง นัดกันวันหยุด มีแค่คุยเรื่องงาน ไม่มีการให้สัญญาอะไร เป็นไปได้อยากไปพบกันทุกเดือน เวลาถามอะไร อดีตนายกฯ แม้ว ก็ให้คำแนะนำดีๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องนโยบายรัฐบาล
“ภูมิใจไทยไม่เคยขวางอะไรเพื่อไทย หากเรื่องไหนที่เราไม่เห็นด้วยก็หารือและพูดคุยกัน และหาข้อสรุปได้ทุกครั้ง อย่างเรื่องร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตอนแรกที่กระทรวงการคลังร่างออกมาให้นายกฯ รักษาการกฎหมายคนเดียว กระทรวงมหาดไทยก็ได้ไปเรียนนายกฯ ว่า มันมีกฎหมายควบคุมอาคารความปลอดภัย นายกฯ รักษาการคนเดียวอาจจะหนักเกินไป นายกฯ ก็เห็นด้วย จนร่างฯ ล่าสุดที่ออกมากระทรวงมหาดไทยก็ร่วมรักษาการด้วย

เราก็ทำงานด้วยกันเป็นทีมเวิร์ก กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทในเรื่องการพนัน สปิริตการอยู่ด้วยกันต้องร่วมรับผิดชอบด้วยกัน สนับสนุนกันและกัน มีอะไรจะได้แบ่งเบาภาระ นายกฯ มีภาระอย่างอื่นมากมาย จะมารู้เรื่องรายละเอียดในกฎหมายแต่ละฉบับได้อย่างไร”
ผู้สื่อข่าวถามกรณี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า “อ๋อเหรอ ก็ดี ไม่เห็น พล.อ.ประวิตร ในสภานานแล้ว คิดถึง เราต้องให้ความเคารพกับคำอภิปรายของ สส. ทุกคน พล.อ.ประวิตร เป็น สส. ระดับท่านพูดอะไรมาก็ต้องมีน้ำหนัก ถึงแม้จะสั้นหรือยาว แม้เราจะเคยทำงานร่วมกันมา แต่วันนี้ พล.อ.ประวิตร เป็นฝ่ายค้าน คงจะต้องรอฟังการอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร ว่าจะมีข้อมูลที่จะทำให้ถึงขั้นต้องยุบสภาหรือไม่ คนที่อภิปรายต้องมีหลักฐาน”

นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ในการอภิปราย ฝ่ายค้านอย่าโวยวายว่า พูดถึงใครก็ไม่ได้ เพราะเขียนญัตติมาแบบนี้ ทำไมไม่เขียนมาว่าอภิปราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และคณะ เพื่อจะพูดได้หมดเลย แต่พอเขียนกรอบแคบแบบนี้ สมาชิกจะยอมหรือไม่ ประธานสภาจะทำได้หรือไม่
การที่บิ๊กป้อมลุกขึ้นอภิปราย เป็นเรื่องน่าสนใจว่า อดีตพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์คนนี้ กุมความลับในเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาล “บิ๊กตู่” มาจนถึงรัฐบาลนี้ มีเรื่องอะไรบ้าง และจะถึงขั้นน็อกรัฐบาลได้จริงหรือไม่

สำหรับคดีฮั้วเลือก สว. ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในบอร์ด คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ว่า บอร์ด กคพ. มอบหมายฝ่ายเลขานุการ กคพ. เชิญ กกต. เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นข้อกฎหมายที่กรรมการบางคนยังอาจมีข้อสงสัย ในวันที่ 5 มี.ค. กกต. ไม่ได้แจ้งหนังสือตอบรับมาแต่อย่างใด แต่ก็จะไม่ส่งผลต่อการประชุมในวันที่ 6 มี.ค. แนวโน้มสถานการณ์การลงมติรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว. 67 เป็นคดีพิเศษนั้น ยังไม่สามารถประเมินได้
“จะแจ้งต่อที่ประชุมถึงมติคณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ ที่เสนอว่าเห็นควรรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ อนุกรรมการฯ เห็นเป็นเอกฉันท์ตรงกันว่า มีความผิดตาม ป.อาญา ม.209 (อั้งยี่) ม.116 (ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ) ม.77 (1) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 ววรคหนึ่ง (ก) – (จ) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เนื่องจากมีผลกระทบเป็นวงกว้าง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีต่อประชาชน”

สำหรับความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น กฎหมายไม่ได้ตัดอำนาจหน่วยงานใด เว้นแต่ กกต. จะขอรับโอนเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไปดำเนินการเอง ซึ่งหมายความว่า ในวันที่ 6 มี.ค. หากบอร์ด กคพ. มีความเห็นให้รับคดีอาญาอื่นรวมถึงคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้เป็นคดีพิเศษ กกต. ก็จะต้องแจ้งว่า กกต. จะรับเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้ดำเนินการเอง หรือจะให้ดีเอสไอดำเนินการไปเลย
ในสัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ปรากฏว่า พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้แจ้งลาการประชุมเป็นครั้งที่ 2 โดยให้เหตุผลติดภารกิจราชการ”
ฝั่งสภาสูงร้อนๆ หนาวๆ น่าสนใจจะตอบโต้อย่างไร ถ้า กคพ. ให้เป็นคดีพิเศษ

ที่รัฐสภา “สส.ทอป” ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน (ปชน.) เลขานุการ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ รับหนังสือขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐคุกคามติดกล้องวงจรปิดในบริเวณมหาวิทยาลัย ทำรายชื่อ watch list เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน จาก น.ส.ธันยชนก ชาลีเขียว ตัวแทนกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย น.ส.ธันยชนก กล่าวว่า กลุ่มถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามทั้งในมหาวิทยาลัยและบริเวณหอพัก ซึ่งถือเป็นการคุกคามเพื่อสร้างความหวาดกลัว จากการกิจกรรมในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 75 ปรากฏหลักฐานว่ามีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ทำงานของกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง

“มีการแจ้งจากเจ้าหน้าที่กองกิจการนักศึกษาว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้จัดทำรายชื่อบุคคลติดตามเฝ้าระวัง โดยมีชื่อของสมาชิกกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ ด้วย จึงขอให้คณะ กมธ. ช่วยตรวจสอบและสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของสถานที่ และสมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดงาน ละเลยให้มีเรื่องราวเช่นนี้ได้อย่างไร” น.ส.ธันยชนก กล่าว
ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบ เพราะมันเป็นการแทรกแซงเสรีภาพการสื่อสารของประชาชน
ที่บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ใกล้ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เกิดไฟไหม้บ้านประชาชนกัมพูชาและลุกลามถึง ศาลาตรีมุข ซึ่งเป็นจุดบรรจบระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว กัมพูชา เมื่อวันที่ 1 มี.ค. “เสธ.ต๊อด”พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองกำลังสุรนารีได้รับรายงานจากทหารกัมพูชาว่า มีเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนของกัมพูชา และเกิดการลุกลามไปยังศาลาตรีมุข ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่ทางฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ดูแล

เมื่อถามว่าบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา มีความไม่สงบเรียบร้อยต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้มีคลิปทหารกัมพูชาตัดลวดหนามที่ทหารไทยล้อมไว้ เพื่อแสดงอาณาเขต รวมถึงการเผยแพร่คลิปทหารกัมพูชาล้มธงชาติไทย โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กำลังหาข้อมูล แต่พิจารณาจากภาพน่าจะเกิดนานมาแล้ว
“บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ทุกฝ่ายรับรู้แล้ว ก็ค่อยๆ แก้ปัญหากัน อย่าทำให้กลายเป็นประเด็นที่จะขัดแย้งกันไป ขอรอให้เรื่องคลี่คลายก่อน ส่วนคลิปทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนามที่ทหารไทยล้อมไว้ จะพูดคุยกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 7 มี.ค.
ทีมข่าวการเมือง