เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะ กมธ. ถึงกรณีทุนจีนปล่อยเช่าคอนโดฯ รายวัน ว่า ทางคณะ กมธ.ปกครอง ได้รับเรื่องร้องเรียนและติดตามข่าวสารในประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ คือการปล่อยห้องเช่าคอนโดฯ อาคารชุด ที่มีการปล่อยเช่ารายวันซึ่งเกิดผลกระทบต่อผู้ที่พักอาศัยอยู่ในตึก และกระทบไปถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชน โดยวันนี้ทางกรรมการได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุยโดยมีประเด็นหลักคือปัญหาที่เกิดขึ้นตามข่าว จะมีวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างไร เพราะทุกกรณี หลายฝ่ายยืนยันว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย คือการเอาห้องเช่าคอนโดฯ มาปล่อยเช่ารายวัน ซึ่งไม่สามารถทำได้ ก็ต้องติดตามว่าทั้งทาง กทม. และฝ่ายปกครอง ที่ลงพื้นที่และพบการกระทำผิด จะมีการแก้ไขปัญหาอย่างไร 

นายกรวีร์ กล่าวอีกว่า รวมไปถึงการแก้ปัญหาระยะยาว คือการแก้กฎหมาย ซึ่งต้องยอมรับว่าทั้ง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงแรม และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารชุด ที่ถูกเขียนมาเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็ไม่ทันกับยุคสมัย ต้องมาพูดคุยกันเพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเอาห้องชุดมาสร้างรายได้ได้ แต่ต้องไม่กระทบกับชีวิตของคนอื่นและไม่กระทบต่อความปลอดภัยของสังคม อีกทั้งกรณีจะให้ต่างชาติเข้ามาถือครองในสัดส่วน 49 เปอร์เซ็นต์ ในข้อปฏิบัตินั้น สามารถเป็นไปได้หรือไม่ หากไม่เป็นตามนั้นจะมีวิธีการแก้ไขหรือมาตรการควบคุมอย่างไร 

เมื่อถามต่อว่าในส่วนของข้อกฎหมาย 49 เปอร์เซ็นต์ มีโทษอย่างไรบ้างหากกระทำผิด นายกรวีร์ กล่าวอีกว่า ตนจำได้ว่ามีทั้งโทษปรับและจำคุก ส่วนการบังคับใช้กฎหมายนั้นไม่มีการหยุดพัก คงต้องไปตามว่าทางเจ้าหน้าที่และฝ่ายปกครอง ที่ลงไปตรวจพื้นที่เจออะไรบ้าง และมีการดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างไรบ้าง ซึ่งวันนี้ก็ได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงพื้นที่เข้ามาร่วมประชุม เพื่อสอบถามว่าจากการลงพื้นที่พบเจอสิ่งผิดปกติหรือไม่

เมื่อถามอีกว่ากรณีประชาชน สื่อมวลชน เจอผู้ที่ฝ่าฝืน แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่เจอนั้น นายกรวีร์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องแปลก ตนก็ได้ส่งทีมงานไปดูก็เจอ แต่เมื่อถามเจ้าหน้าที่กลับบอกว่าไม่พบอะไร ถือเป็นเรื่องแปลกที่ประชาชนเห็นสื่อมวลชนเห็น ประชาชนได้รับผลกระทบ แต่พอลงพื้นที่ไปตรวจก็พบว่าไม่เห็น ส่วนอาจจะมีการรับผลประโยชน์หรือไม่นั้น ตนมองว่าเรื่องนี้ยังคงต้องไปติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงจากฝั่งเจ้าหน้าที่ ได้เห็นเพียงตามที่ปรากฏในข่าว ก็ต้องให้โอกาสเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงก่อน ว่าสิ่งที่ลงไปตรวจนั้นไม่เจอหรือเจอบางส่วน

เมื่อถามต่อว่าที่กรรมาธิการลงไปตรวจพื้นที่เจอด้วยหรือไม่ นายกรวีร์ กล่าวว่า กรรมาธิการไม่ได้ลงไปตรวจ แต่ส่งทีมงานไปดูแทน ก็ปรากฏว่ามีตู้กุญแจตามที่เป็นข่าวจริง ๆ วันนี้คงได้หารือกันว่า เราจะแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร 

“ยิ่งเป็นเรื่องของทุนจีน ต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนโดยใช้ช่องทางตามกฎหมาย แล้วมาฝ่าฝืนกฎหมายภายในประเทศ ตนคิดว่าเรื่องนี้ทางฝ่ายปกครอง ที่ดูแลเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัย ควรที่จะดูแลและบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ไปกระทบกับประชาชน” นายกรวีร์ กล่าว