กรณีกรมราชทัณฑ์แจงกรณีผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ เขียนจดหมายมีตราประทับจากเรือนจำคลองเปรม อ้างเทียบลายมือแตกต่างกัน ตรวจสอบไทม์ไลน์ ในช่วงเดือน พ.ย. 67 ยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายออกนอกเรือนจำ ชี้อาจเป็นจดหมายที่ทำขึ้น นั้น
ขณะที่ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้ออกมาตอบโต้กรมราชทัณฑ์ และยืนยันว่าจดหมายฉบับดังกล่าว ถูกเขียนขึ้นโดยผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ อีกทั้งยังมีการท้าให้กรมราชทัณฑ์ฟ้อง หากคิดว่าจดหมายฉบับดังกล่าวเป็นจดหมายปลอม
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 มี.ค. 68 ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปช.ปส.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยภายหลังการแถลงจับยาเสพติดว่า คงไม่ตอบโต้ ว่าจดหมายฉบับดังกล่าว “จริงหรือไม่จริง” แต่กระดาษที่ใช้เขียนจดหมาย ฉบับที่นำมาเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ มีตราสัญลักษณ์ ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงมีความสงสัยว่า ในเมื่อตัวของผู้ต้องขัง ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ชุดเดียวกัน มีพฤติการณ์แหกที่คุมขัง และมีการทำร้าย จึงมีการตั้งข้อหาปล้นทรัพย์ โดยผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ชุดนี้ จะต้องถูกคุมขังในเรือนจำ ไปจนกระทั่งปี 2572 ตามคำพิพากษาของศาล ที่ตัดสินเด็ดขาดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อกระดาษจดหมายที่มีการนำเผยแพร่ และอ้างว่าเป็นจดหมายที่ถูกเขียนด้วยลายมือชาวอุยกูร์ แต่มีตราของเรือนจำคลองเปรม จึงถามกลับว่า “ชาวอุยกูร์” เขียนจริงหรือไม่
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ไปสอบถามผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ทั้ง 5 คน ที่ถูกคุมขังอยู่นั้น ปรากฎว่ามีเพียงผู้ต้องขัง 2 คนเท่านั้น ที่ยอมรับว่าเป็นผู้เขียนจดหมาย แต่เขียนถึงภรรยาที่เป็นคนไทย
อีกทั้งยังยืนยันว่าจดหมายที่ปรากฎตามสื่อต่างๆ ตัวเองไม่ได้เป็นคนเขียนขึ้นมาแต่อย่างใด ส่วนจดหมายฉบับดังกล่าวจะมาจาก ตม. หรือไม่ คงต้องไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.อ.ทวี ยังตั้งข้อสังเกต และสงสัยว่า เหตุใดจึงเอากระดาษของกรมราชทัณฑ์ ไปเขียน เพราะโดยปกติ คงไม่มีประชาชนคนใด เข้าไปซื้อกระดาษในกรมราชทัณฑ์ ซึ่งไม่ได้มีเจตนาไปด้อยค่าใคร ในนามของรัฐบาลทุกครั้งที่มีการประชุม ต้องดูพยานหลักฐาน และมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุมด้วย อาทิ อัยการสูงสุด หน่วยงานสิทธิมนุษยชนมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ที่สำคัญหน่วยงานตำรวจ ถือว่าเป็นองค์ใหญ่ คงไม่ทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย.