เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 4 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายหลังตัดสัญญาณทำให้คนในประเทศส่วนหนึ่งไม่สามารถใช้สัญญาณได้นั้น ว่า มีบ้าง ซึ่งวันที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ ได้สั่งการให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีวิธีขยายสัญญาณในฝั่งไทยในจุดที่สัญญาณอ่อน ได้พูดคุยกันว่าอาจจะเพิ่มสัญญาณในบางจุด โดยเพิ่มเฉพาะในฝั่งไทย
เมื่อถามต่อว่า หากมีการเพิ่มจุดสัญญาณ จะมีสัญญาณไปถึงประเทศเพื่อนบ้านจนเขาสามารถกลับไปใช้งานได้ใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่สามารถใช้ได้ เพราะมีตัววัดสัญญาณอยู่แล้ว ทั้งนี้มีการตรวจสอบสายที่ลากข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน หากผู้ประกอบการปฏิเสธว่าไม่ใช่เจ้าของก็จะมีการตัดตามขั้นตอน
เมื่อถามอีกว่าหลังจากตัดสัญญาณแล้ว ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลงหรือไม่นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการตรวจสอบกับตำรวจ พบว่าปัญหาลดลง 20% สถิติการใช้ลดลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงสถิติของคดีก็ลดลง ในส่วนของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) ปัจจุบันมีการร้องเรียนประมาณ 3,000 สายต่อวัน โดยหลังเปิดศูนย์ประมาณหนึ่งปี ตัวเลขลง 40% หลังใช้มาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณ ความเสียหายลดลง 20% ถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะลดลงทั้งความเสียหาย เงินลดลง ก่อนหน้านี้ความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท แต่หลังเปิดศูนย์ตัวเลขลดลง เหลือ 60-70 ล้านบาท และหลังมีมาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณ ความเสียหายต่ำกว่า 50 ล้านบาทต่อวัน โดยส่วนใหญ่มาจากการหลอกให้ลงทุนเงินดิจิทัล ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก แต่ค่าเสียหายน้อย และลดลงอย่างมีนัยสำคัญคือซื้อของไม่ตรงปก
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการบังคับใช้พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (พ.ร.ก.ไซเบอร์) ที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา นายประเสริฐ กล่าวว่า คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นเดือน มี.ค.นี้ โดยภายในเดือนนี้ตนจะเรียกสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการโทรคมนาคม (telco provider) และแพลตฟอร์ม เข้ามาพูดคุยทีละกลุ่ม ถึงความเข้าใจความรับผิดชอบในค่าความเสียหายว่าหมายถึงอะไร เพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติงาน ก่อนประกาศใช้กฎหมาย โดยคาดว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในเดือน มี.ค.นี้.