สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า “ไม่มีโอกาสอีกต่อไป” ที่แคนาดาและเม็กซิโกจะมาขอเจรจา เพื่อให้รอดพ้นจากการเผชิญกับมาตรการภาษี 25% ซึ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มี.ค. โดยกล่าวเพียงว่า หากไม่ต้องการกำแพงภาษี “สิ่งเดียว” ที่แคนาดาและเม็กซิโกจะสามารถทำได้ คือการเข้ามาลงทุนในสหรัฐเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า การเดินหน้ามาตรการ เป็นผลจากการลักลอบค้ายาเสพติดข้ามพรมแดน “ยังอยู่ในระดับที่ไม่อาจยอมรับได้”
ด้านนางเมลานี โจลี รมว.การต่างประเทศแคนาดา ประณามทรัมป์ “คือภัยคุกคามที่มีอยู่จริง” ต่อแคนาดา และยืนยันว่า หากสหรัฐเดินหน้ามาตรการดังกล่าวจริง รัฐบาลออตตาวา “พร้อมตอบโต้”
President Trump just confirmed that the 25% tariff on Mexican and Canadian products will start TOMORROW. pic.twitter.com/humCnv0whL
— George (@BehizyTweets) March 3, 2025
อนึ่ง แคนาดาเคยประกาศรายชื่อสินค้า 1,256 รายการ ที่จะเรียกเก็บภาษีจากสหรัฐในอัตรา 25% ซึ่งรวมถึง ผัก ผลไม้ ชา กาแฟ ผลิตภัณฑ์นม เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระดาษชำระ และเครื่องใช้ในครัวเรือนหลายประเภท คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 704,599.20 ล้านบาท)
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยืนยัน การเพิ่มกำแพงภาษีกับสินค้าของจีนอีก 10% เพิ่มจากมาตรการเดิมที่เป็นการเพิ่มขึ้น 10% และมีผลเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา
ขณะที่นายหวัง เหวินเทา รมว.พาณิชย์จีน กล่าวว่า การใช้มาตรการกีดกันทางการค้า เป็นเรื่องที่รัฐบาลปักกิ่งคัดค้านอย่างถึงที่สุดมาตลอด และดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง โดยจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าหลายอย่างของสหรัฐ ในอัตรา 10% และ 15% พร้อมทั้งสอบสวนบริษัทกูเกิล ฐานผูกขาดการตลาด ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา.
เครดิตภาพ : AFP