เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ศาลอาญามีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง พร้อม นายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความชื่อดัง เดินทางไปยังศาลอาญามีนบุรี ในฐานะพยาน ในคดีที่ผู้เสียหายยื่นฟ้องคดีเกี่ยวกับการลงทุนคริปโตโดย นายประมาณ กล่าวว่า วันนี้ “ฟิล์ม” มาในฐานะพยานตามหมายเรียกของศาล โดยเรื่องนี้ฟิล์มให้ข้อมูลว่า เข้าไปเกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องของการถูกเชิญไปเป็นวิทยากร พูดเรื่อง blockchain และในวันดังกล่าว ไม่ได้มีแค่ฟิล์มคนเดียว ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนมาก ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงทุนของโจทก์ทั้งหมดที่ซึ่งบริษัท ส. เข้าไปดำเนินการอะไรต่าง ๆ ฟิล์มก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

นายรัฐภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้ตนเข้าไปเป็นวิทยากรและทำโฆษณาให้เขาเท่านั้น เพราะตนมีความรู้เรื่องบล็อกเชน เคยเป็นอาจารย์สอนเรื่องการตลาด และการที่ตนเองถูกเชิญไปเป็นวิทยากรพูดเรื่องพวกนี้ เขาคิดว่าตนไปมีรูปกับบริษัทไหน หากมีสัก 10 บริษัทที่เขามีคดีความกันอยู่ เขาก็เอาทั้ง 10 มาพูดเพื่อดิสเครดิตตนเอง คิดว่าการกระทำแบบนี้ มันไม่ค่อยแฟร์ พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่เคยกังวลใจเลยแม้สักคดี เพราะตนเองไม่ใช่คนที่จะไปทำแบบที่เขาพูดกันและตั้งแต่ตนเป็นฟิล์ม รัฐภูมิ ก็ไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมายเลย ตนเคารพกฎหมายและอยู่กับประชาชนมานานจะเอาตัวเองไปทำผิดทำไม แต่สิ่งที่เขาพูดพยายามยึดเครดิตเราคือไม่ถูกต้อง

ส่วนประเด็น ดีเจแมนและใบเตย ที่มีการประโคมข่าวกันในทำนองว่า ตนเองไปเรียกเงินรวม 14 ล้านบาทนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่เป็นความจริง ไม่มีอะไร การที่ออกมาให้ข่าวมั่ว คุณก็ต้องรับผลกรรมก็แค่นั้นเอง เพราะถ้าเป็นความจริง ป่านนี้ใบเตยคงออกมาพูดแล้ว ส่วนจะมีการฟ้องดำเนินคดีหรือไม่ เดี๋ยวขอดูอีกที เพราะหลัง ๆ มาเขาก็โอเคไม่ได้อะไร ก็พร้อมที่จะให้อภัยเพราะยังไงก็เป็นพี่น้องกัน แต่ว่าอะไรที่มันเกินเลยไปเตือนเสมอว่าก็ต้องรับผลกรรมตรงนั้น

นายรัฐภูมิ ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาเห็นว่าตัวเองไม่พูดไม่ตอบโต้อะไร ก็ต้องมารังแก ไม่เข้าใจว่า คุณบอกว่าอยากสงบแต่ไม่หยุดสักที บอกว่าไม่ได้ติดใจอะไรกับตนเอง แต่ก็มาโจมตีผมทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยทำอะไรใคร วันหนึ่งความจริงมันจะปรากฏ เพราะวันนี้ผมกับอาจารย์ประมาณ ก็วิ่งหาความจริงกันอยู่ และส่งทุกความจริงให้ทุกหน่วยงานดูหมดแล้ว เห็นผมเงียบ ๆ ไม่ใช่ผมอยู่เฉย ๆ ผมเอาทุกหลักฐานส่งให้ทุกหน่วยงานดูหมดแล้ว เอาเป็นว่ารอวันนั้นที่ความจริงปรากฏ จะมีใครที่เห็นใจผม ผมโดนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กและเมื่อเวลา 1 ปี หรือ 2 ปี เพิ่งจะมาเห็นใจตน แต่ก็ไม่เป็นไร ตนอดทนรอได้ เอาเป็นว่ารอวันนั้นที่ความจริงมันปรากฏ ยังไงก็เห็นใจผม พ่อแม่ผมและสิ่งที่ผมโดนด้วยแค่นั้นเอง

นายประมาณ ยังบอกด้วยว่า คดีที่ฟ้องหนุ่ม กรรชัยและอี้ แทนคุณ ได้มีการยื่นฟ้องเองและศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในเดือนถัดไป (เม.ย.) ถ้าเขาจะฟ้องกลับ ก็ไม่สนใจ ฟ้องกลับก็ไปว่ากันในศาล ว่าอะไรคือความผิด อะไรคือความจริง ถ้าเป็นความเท็จก็จะโทษหนักขึ้นไปอีก ก็ช่วยกันไม่ได้ เตือนกันแล้ว อยากจะลองก็ได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่รู้ดีเหลือเกิน.