ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในห้องประชุมของที่ว่าการอำเภอภูซาง จ.พะเยาได้จัดประชุมเพื่อปรึกษาหารือมาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5) ตามแนวชายแดนและจัดทำบันทึกข้อตกลง(MOU) ระหว่างอำเภอภูซางกับเมืองคอบ แขวงไชยะบุลี สปป.ลาว โดยมีทางนายสมชาย วงศ์จริยะเกษม นายอำเภอภูซาง,หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูซาง, ผกก สภ.ภูซาง,ผบ.ร้อย ทพ.3108,หัวหน้าชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนที่ 315 กกล.ผาเมือง,รอง ผบ.หมวดตำรวจตระเวณชายแเดนที่ 326,นายก อบต.ภูซาง ,นายก อบต ทุ่งกล้วย,กำนัน ผญบ.ที่มีพื้นที่ติดชายแดน ได้แก่ กำนัน ต.ภูซาง,กำนัน ต.ทุ่งกล้วย ,ผญบ.หมู่ 7 ต.ทุ่งกล้วย,ผญบ.ม.12 ต.ภูซาง และทางฝั่งของ สปป.ลาว ได้มีทางบุญจัน เสดจำปา รองเจ้าเมืองคอบ,หัวหน้าทหารกองร้อยชายแดน 105, รองหัวหน้ากสิกรรมและป่าไม้ ,หัวหน้าทรัพยากรไม้และสิ่งแวดล้อม,รองผู้กำกับฯ(ปกส.เมือง),รองหัวหน้าตม.ด่านปางมอน,หัวหน้าด่านสากลปางมอน,หัวหน้ากองบัญชาการฝ่ายทหาร,นายบ้านที่มีพื้นที่ติดชายแดน 2 หมู่บ้าน ได้แก่บ้านปางมอนและบ้านป่าซาง

นายสมชาย กล่าวว่า ในการประชุมของ อ.ภูซาง ตนเองได้มีการแจ้งมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กของจังหวัดพะเยาเกี่ยวกับในเรื่องของการประกาศห้ามเผาเด็ดขาดตั้งแต่ 31 ม.ค.-30 เม.ย.68 อีกทั้งการประกาศห้ามเข้าป่าอนุรักษ์ เขตอุทยานแห่งชาติภูซาง เพื่อสร้างการรับรู้ร่วมกัน การแจ้งมาตรการการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนมาตรการ รวมไปถึงได้มีมาตรการร่วมกันเกี่ยวกับกรณีเกิดไฟป่าหรือพบจุดความร้อน hotspot ตามแนวชายแดนกรณีที่ไฟป่ามีความรุนแรงหรือขยายเป็นบริเวณกว้าง อ.ภูซางและเมืองคอบจะมีการบูรณาการในการดับไฟป่าร่วมกัน และสุดท้ายได้มีการลงนามในบันทึก (MOU) เพื่อร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันตามแนวชายแดน ซึ่งปีนี้ตนได้เน้นในเรื่องของการทำงานแบบบูรณาการร่วม 2 ประเทศโดยเฉพาะพื้นที่สันเขาตามแนวชายแดน ซึ่งการทำงานหากมีการก่อเกิดไฟป่าตามแนวสันเขาถึงแม้ว่าจะเป็นเขตของ สปป.ลาว ทางเราก็จะสามารถเข้าไปดับไฟได้เลยโดยไม่ต้องผ่านตรวจเพราะถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องช่วยกันจัดการ ทั้งนี้การทำงานดังกล่าวต้องเป็นการทำงานแบบเชิงรุกและทุกฝ่ายต้องเข้าใจสถานการณ์ไม่มามัวขัดขากันเองด้วย