สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ว่านายดามมิกา ปาตาเบนดี รมว.สิ่งแวดล้อมศรีลังกา แถลงต่อรัฐสภาว่า รัฐบาลจะก่อสร้างรั้วไฟฟ้าเพิ่มเติม รวมถึงจัดหาเจ้าหน้าที่ เพื่อช่วยลดการจู่โจมของช้างป่า ในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

ปาตาเบนดีระบุว่า ระหว่างปี 2558-2567 มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 1,195 ราย และช้างป่าตายอย่างน้อย 3,484 ตัว และเฉพาะเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และช้างป่าตายอย่างน้อย 43 ตัว

ด้านนายนลิน บันดารา สมาชิกรัฐสภาของฝ่ายค้าน กล่าวว่า การกำจัดซากช้างป่า ทำให้รัฐต้องสูญเสียเงินไปประมาณ 11.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 397 ล้านบาท) ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ค่าชดเชยสำหรับเหยื่อที่ถูกช้างโจมตีอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 137 ล้านบาท)

นอกจากนี้ การฆ่าหรือทำร้ายช้างถือเป็นความผิดทางอาญาในศรีลังกา เนื่องจากช้างถือเป็นสมบัติของชาติ และมีความสำคัญในวัฒนธรรมของชาวพุทธ

อย่างไรก็ตาม การสังหารช้างป่ายังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากเกษตรกรต้องปกป้องพืชผลและแหล่งทำกิน ส่งผลให้มีการใช้ไฟฟ้าช็อต ยิง และวางยาพิษช้างป่า และบางครั้ง มีการหลอกล่อช้างป่า ด้วยผลไม้ซึ่งมีการซุกซ่อนวัตถุระเบิด.

เครดิตภาพ : AFP