เมื่อเวลา 08.35 น วันที่ 3 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข้อพิพากษ์วิจารณ์ในการที่รัฐบาลส่งตัวชาวอุยกูร์ให้ทางการจีน ซึ่งอาจทำให้เกิดความรุนแรงในประเทศไทย ว่า เรื่องนี้เราต้องเริ่มต้นจากความเป็นจริง ไม่ใช่เริ่มต้นจากความเชื่อ ถ้าเชื่อว่าจะมีระเบิดมันก็จะเชื่อไปเรื่อยๆ เชื่อไปได้มากมาย ซึ่งไม่เป็นผลดีกับสุขภาพ ทั้งนี้ ในแง่ความมั่นคง เรามีความระมัดระวังอยู่แล้ว ต่อให้มีเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม เพราะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เราทำเรื่องนี้ตนคิดว่าพรรคฝ่ายค้านหรือองค์กรสิทธิมนุษยชน เป็นการมองด้วยจินตนาการย้อนหลังไปเป็นสิบปี ซึ่งตนไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเป็นเรื่องของประเทศจีนที่ต้องชี้แจง แต่วันนี้บ้านเมืองเขามีการเปลี่ยนแปลงไปมาก สิ่งที่คิดว่าจะโจมตีเขาได้ก็ไม่น่าจะโจมตีได้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไม่ใช้ความเชื่อว่าเขาไปแล้วจะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ประเด็นของเรื่องนี้คือเราไปละเมิดสิทธิเขา ซึ่งเราก็จัดการแก้ปัญหาโดยคิดถึงทางเลือกที่ดี ขณะที่ทางการจีนได้ออกหนังสือทางการทูตที่ยืนยันได้ชัดเจน ตามหลักการความระมัดระวังการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหนังสือที่รับประกันโดยสถานทูตจีนในนามรัฐบาลจีน เพื่อให้เราได้รับความมั่นใจ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีประเทศที่ 3 ขอยืนยันว่าไม่มี หากใครบอกว่ามีให้มาพูดคุยกันแล้วเอาเนื้อมา ขณะที่ทางการจีนจากการพูดคุยกันแล้ว เขายืนยันว่าคนเหล่านี้เป็นพลเมืองของเขา และขอรับคืน เรารอมาแล้ว 10 ปี ซึ่งทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ประเทศที่ 3 แม้กระทั่งประเทศใหญ่ๆ ที่ตนคุยมาก็ไม่มีใครเอา ฉะนั้น เมื่อไม่มีประเทศที่ 3 ก็ต้องเดินไปตามกระบวนการ
“หลายๆ เรื่องผมคิดว่าอย่าเอาความเชื่อส่วนตัวมาพูด และไปคำนึงถึงหลักปรัชญาบางอย่างแล้วมาทำร้ายประเทศตัวเอง ขอร้อง ถ้าจะทำอย่างนั้นจริงๆ ให้ทำเหมือน สส.พรรคประชาชน ที่มายื่นทุจริตยา เอารูปธรรมมาหาทางแก้ปัญหา ไม่พูดไปเรื่อยเปื่อยให้เกิดความหวาดกลัว ผมคิดว่าอยู่ที่ความจริง ถ้าความจริงเป็นแบบนี้แล้วกระบวนการทางจีนเขายอมรับ เราก็ยังสามารถไปตรวจสอบเขาได้ ในเมื่อเขาไม่กลัวให้เราไปตรวจสอบแล้วเราจะไปกลัวว่าเขาจะไปตายได้อย่างไร ขึ้นเครื่องลงเครื่องไม่มีเหตุวุ่นวาย ไม่มีพันธนาการ แม้เชื่อว่าจะเป็นการจัดฉาก แต่โลกนี้ไม่ใช่โลกยุคดึกดำบรรพ์ ไม่ได้อยู่ในเกาะ ไปดูกันได้ เมืองซินเจียงเขาก็ไม่มีอะไรปิดบัง ใครอยากไปทำข่าวก็ไปเลย และทางเราหลังจากนี้ 15 วัน ก็จะมีรัฐมนตรีคนอื่นๆ ไปดู ผมก็อาจจะไปด้วย นอกจากนี้ เรายังให้สถานทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ไปดูเป็นระยะ แล้วจะเอาอย่างไรอีก หรือต้องให้บ้านเมืองนี้ถูกทำลาย ถูกวางระเบิดถึงจะสะใจ ดังนั้น เอาความจริงอย่าเอาความเชื่อไปสร้างปัญหาให้ประเทศ” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่เราทำเป็นการลดภาระของประเทศ เราควรจะดีใจ ไม่ควรตั้งคำถามว่าอาจจะทำให้เกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพราะคนเราคิดอะไรได้ร้อยแปด ระเบิดนิวเคลียร์จะลงก็คิดกันได้ คิดแล้วหวาดผวาทำให้ประเทศขาดความเชื่อมั่น ทำแล้วสะดวกสบายใจอย่างนั้นหรือ
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า หากฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อภิปรายได้เลย เอาหลักฐานมา ว่าเขาตายหรือถูกทำร้ายอย่างไร อย่าใช้ความเชื่อมาอภิปราย เพราะถ้าใช้ความเชื่อมาอภิปรายเราจะไม่ตอบ ส่วนทางการสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น แจ้งเตือนประชาชนของตนเองที่อยู่ในประเทศไทย ให้ระมัดระวังเหตุความรุนแรงนั้น เป็นเรื่องที่แต่ละประเทศเกิดความไม่สบายใจและได้แจ้งเตือนประชาชนของเขา ซึ่งประเทศไทยก็แจ้งเตือนประชาชนของเราอยู่บ่อยๆ หากมีเหตุอะไร ดังนั้น เขาจึงมีสิทธิเตือน แต่ความเป็นจริงจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทางนั้นเขาไม่ได้ห่วงอะไร แล้วเราจะไปห่วงอะไรแทนเขา อย่างไรก็ตาม หน่วยงานความมั่นคงเราดูแลดูแลเรื่องความปลอดภัยอยู่ตลอดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือไม่ก็ไม่เคยละเว้นไม่เคยประมาท