เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ (พยัคฆ์ไพร) ตำรวจปราบปรามกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ตร.ปทส.) เปิดยุทธการพิทักษ์ผืนป้าภาคตะวันออก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไล่บี้เกาะติดคดีขุดเขา-รุกป่า พื้นที่ 3 อำเภอใน จ.จันทบุรี

โดยจับกุมพื้นที่ที่มีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ทั้งที่ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ด้วยการเปิดป่า ปรับพื้นที่ทำสวนทุเรียนบนเขา และตัดไม้หวงห้าม ราวๆ 3-4 คดี เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ และตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี จับกุมและยึดเครื่องจักรหนัก-รถบรรทุก ขณะทำการปรับพื้นที่ในเขตป่างสงวนฯ เขต อ.แก่งหางแมว

กระทั่งล่าสุด มีรายงานว่า ผู้รับเหมาขุดดิน-ปรับพื้นที่ เริ่มกลัวการถูกจับกุม และได้มีการแจ้งข่าว กรณีที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และตำรวจจะลงตรวจพื้นที่ โดยผ่านหน้าเฟซบุ๊ก ว่า ‘ขออนุญาตแจ้งข่าวครับ ท่านใดที่กำลังขุดปรับพื้นที่ ใน อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ที่กำลังเดินงานกันทุกๆ ชุด ทุกๆ ทีม

ขอให้หยุด และย้าย รถแบ๊กโฮ และอุปกรณ์ทุกชนิด ย้ายออก หรือเก็บรถของพวกท่าน จอดให้สนิท หรือไม่ควรจอดหน้างานนั้นๆ นะครับ เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป จะมีทางกรมการป่าไม้หลายชุด ลงในพื้นที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
ด่วนนะครับ ภาคลงครับ ’

ข้อมูลจากแหล่งข่าวในพื้นที่อำเภอแก่งหางแมว จ.จันทบุรี ระบุว่า ขณะนี้กลุ่มทุนพยายามเข้าไปกว้านซื้อที่ในเขตอำเภอแก่งหางแมว เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าสงวนฯ และมีแนวโน้มที่อนุญาตให้ทำกิน ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างไกลชุมชน ไม่ค่อยมีหน่วยงานหรือมีการตรวจสอบมากนัก

ลักษณะของการกว้านซื้อที่ จะซื้อเป็นแปลง แปลงละไม่ต่ำกว่า 50 ไร่ เพื่อปรับทำสวนทุเรียน โดยนายหน้าหรือผู้มีส่วนได้เสียในชุมชนที่หาซื้อที่เสนอขายได้ จะได้รับการว่าจ้าง ให้มีการปรับพื้นที่ยกโคก ทำแปลงทุเรียนในอัตราไร่ละ 100,000 บาท
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พื้นที่อำเภอแก่งหางแมว ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ กำลังถูกปรับจากป่า และสวนยางพารา ให้มาเป็นสวนทุเรียน หลายพื้นที่ดังกล่าว
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ เพจ “พยัคฆ์ไพร” – เฟซบุ๊กผู้แจ้งเตือน