เป็นข้อเท็จจริงที่สะท้อนจาก ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รอง ผอ.ฝ่ายบริหาร ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) หลังเกิดเคสวิกฤติเด็กป.6 ถูกส่งเข้ารักษาที่ รพ. ก่อนตรวจพบสภาพปอดถูกทำลายหนัก ซักประวัติทำอึ้ง สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม มานาน 2 ปี ตั้งแต่ชั้น ป.4

ทำ “ช็อก” ทั้งประเทศและยิ่งน่ากังวลเพราะพบพิกัดร้านขายทั้งเข้าถึงง่าย ใกล้ตัวเด็ก จนน่ากลัว…

“ทีมข่าวอาชญากรรม” สอบถามสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าจากเคสที่เกิดขึ้นและข้อกังวลมิติอื่นๆ กับ ศ.พญ.สุวรรณา ซึ่งให้ข้อมูลว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเด็กชั้นป.6 ซึ่งปอดอักเสบรุนแรงและเป็นฝ้า มีสาเหตุจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เป็นอาการที่ทางการแพทย์เรียกว่า EVALI (E-cigarette or Vaping product use Associated Lung Injury) ซึ่งเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ในจังหวัดเดียวกันพบเด็ก อายุ 13 ปี ถูกหามเข้าห้องไอซียูด้วยอาการเดียวกัน

สำหรับพื้นที่ดังกล่าวในรอบ 3 เดือน มีเด็กป่วยแล้ว 8 ราย และมีรายงานว่าพบอีก 5 ราย ในรอบ 3 เดือน เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ด้วย

“แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการพบเด็กใช้บุหรี่ไฟฟ้าแล้ว แต่บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มมีผลกระทบทางสุขภาพให้เห็นชัดเจน”

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ระบุอาการ EVALI คือ ปอดอักเสบรุนแรงที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดย 95% ของผู้ป่วยจะมีอาการไข้หนาวสั่น ไอ หายใจลำบาก ปวดเมื่อย คล้ายติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย แต่พบว่า 77% ของผู้ป่วยมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งผู้ป่วยทุกคนมีภาพ X-ray และ CT Scan มักมีความผิดปกติ ของปอดเป็นฝ้าขาว และหายใจไม่สะดวก

ศ.พญ.สุวรรณา กล่าวถึง อันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กว่าผลข้างเคียงของสารนิโคติน จะทำให้เส้นเลือดหดตัว เลือดจะไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้น้อยลง หัวใจก็เช่นกัน ทำให้มีความเสี่ยงหัวใจวาย หัวใจหยุดเต้น นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อปอด คือ ปอดอักเสบ และสมอง อาจเกิดอาการ “สโตรก” เส้นเลือดตีบและแตกได้ โดยความสี่ยงนี้เกิดขึ้นได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่

โดยในส่วนของเด็กมีความเสี่ยงเพิ่มอีกอย่างคือ สมอง เพราะสมองเด็กจะมีการพัฒนาตั้งแต่ในท้องแม่จนถึง อายุ 25 ปี เรียกว่า EF (Executive Function) เป็นการคิด วิเคราะห์ ความจำ การตัดสินใจ และการควบคุมอารมณ์ หากเด็กได้รับนิโคติน สารดังกล่าวจะไปทำลายพัฒนาการเหล่านี้ เปรียบเทียบกับสมองของผู้ใหญ่มีการพัฒนาเต็มที่แล้ว จึงไม่ถูกทำลาย

อย่างไรก็ตาม นิโคติน และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ายุคดั้งเดิมว่าจะไม่มีกลิ่น แต่ผู้ผลิตมีการเติมกลิ่น เติมรส ทำให้เด็กและเยาวชนเริ่มสนใจ ซึ่งสารปรุงแต่งเหล่านี้ผู้ผลิตอ้างว่าเป็นสารผสมอาหารระดับ “ฟู้ดเกรด” ในส่วนนี้ ศ.พญ.สุวรรณา ให้ความเห็น เราไม่ได้รับประทานสารเหล่านี้ แต่เป็นการสูบลงไปปอด ซึ่งก่อให้เกิดความระคายเคืองและมีความเสี่ยงเกิดมะเร็งตามมาได้

“นอกจากการปรุงแต่งกลิ่น และรส สิ่งที่น่าเป็นห่วงจริง ๆ คือการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้เป็นตัวการ์ตูน และ แฟลชไดรฟ์ ตรงนี้ผู้ผลิตตั้งใจทำการตลาดในกลุ่มเด็ก และเยาวชนชัดเจน”

ด้านพฤติการณ์ของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กนั้น มองว่าเด็กส่วนหนึ่งมองเป็นแฟชั่น โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง เนื่องจากในบุหรี่ไฟฟ้าบางชนิดมีการผสมกลิ่นน้ำหอมลงไป เด็กอาจมองถึงเรื่องความเท่ และความหอม

สุดท้ายฝากข้อห่วงใยถึงผู้ปกครอง หากรู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้าจะสามารถป้องกันกลุ่มเด็กดี และกลุ่มเด็กเปราะบาง ไม่ให้เข้าถึง พร้อมแนะวิธีสังเกตหากพบเด็กมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิด ฉุนเฉียว การเรียนแย่ลง (เนื่องจากนิโคตินทำลายสมอง ทำให้สมาธิไม่ดี) หรือมีกลิ่นหอมแปลก ๆ ติดตัวเด็ก

นอกจากนี้ ควรสังเกตสิ่งรอบตัวเด็กด้วย หากพบของเล่น หรืออุปกรณ์การเรียนบางอย่างที่ส่วน “หัว” มีลักษณะเหมือน “หลอด” ดูด และส่วนท้ายมีลักษณะเหมือนที่ “ชาร์จไฟ” สิ่งนั้นอาจจะเป็นบุหรี่ไฟฟ้า

“ส่วนสิ่งที่อยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กฎหมายควบคุมการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า และบังคับใช้กฎหมายให้เคร่งครัด เช่น การจับกุม และตรวจยึด รวมถึงควรมีบทลงโทษให้เด็ดขาดรุนแรงขึ้น เพื่อให้ผู้ที่นำเข้า หรือผู้ลักลอบขายเกิดความเข็ดหลาบ” ศ.พญ.สุวรรณา ระบุ.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน