เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 68 ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านยานพาหนะ ในคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน กล่าวถึงการประชุมอนุกรรมการฯ ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในพื้นที่จุดเกิดเหตุรถบัสดูงานของคณะเทศบาลตำบลพรเจริญ จาก จ.บึงกาฬ คว่ำที่ จ.ปราจีนบุรี รวมไปถึงหน่วยงานส่วนกลางมาร่วมประชุม หารือประเด็นสำคัญคือรายงานผลการสอบสวนเบื้องต้น ถึงสาเหตุว่าเกิดจากปัญหาสภาพถนนที่ไม่ปลอดภัยหรือเกิดจากปัญหายานพาหนะ ซึ่งก็คือรถบัส 2 ชั้น และรุ่นนี้พูดกันมาตั้งแต่ปี 59 ว่าประเทศไทยควรยกเลิกรถโดยสารสาธารณะประเภท 2 ชั้น นอกจากนี้จะหารือแนวทางการแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุลักษณะนี้ซ้ำซ้อนอีก ซึ่งเรื่องรถบัสได้พูดกันมาหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงหลังเดือน ต.ค. 67 ที่เกิดเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ ที่ถนนวิภาวดี เป็นเหตุให้นักเรียนเสียชีวิต 23 ราย วันนี้จึงได้บรรจุเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วน

เมื่อถามถึงกรณีรถโดยสารประเภท 30 จะมีทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับรถบัส 2 ชั้น ซึ่งไม่เหมาะใช้เป็นรถรับจ้างไม่ประจำทาง เพราะมีเส้นทางคดเคี้ยวลาดชันอย่างไร นายสุรชัย กล่าวว่า ทั้งรถบัสประจำทางและไม่ประจำทาง ตามหลักสากล ขนาดความสูงของรถบัสเกิน 4 เมตร จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องจุดศูนย์ถ่วง และเกิดความเสี่ยง ไม่ว่าจะวิ่งถนนลาดชันหรือทางปกติ และรถบัส 2 ชั้น ก็จะสูงเกิน 4 เมตร จะมีความเสี่ยงเรื่องการทรงตัวมากกว่ารถบัสชั้นเดียวอยู่แล้ว แม้จะเคยออกกฎหมายเมื่อปี 59 ในการไม่ให้กรมการขนส่งทางบกรับจดทะเบียนรถบัส 2 ชั้นรุ่นใหม่ แต่รถรุ่นเก่า 6-7 พันคัน ยังไม่มีวิธีบริหารจัดการ และยังให้บริการอยู่ จึงทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ซ้ำ ซึ่งเป็นประเด็นเรื่อง ยานพาหนะที่ไม่ปลอดภัย แต่เรื่องถนนในบางจุดที่มีความเสี่ยงทั้งสภาพและกายภาพ เป็นอีกประเด็นปัญหาหนึ่ง เท่าที่ทราบ พื้นที่เกิดเหตุยังมีปัญหาการทำงานที่ไม่บูรณาการที่ดีเพียงพอระหว่างหน่วยงาน เป็นเส้นถนนช่วงผ่านอุทยาน เชื่อมโยงไปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังจากวันนี้จะเชิญกระทรวงดังกล่าวมาพูดคุย

“ถ้าผลการประชุมในวันนี้ บ่งชี้ให้เห็นว่าสาเหตุเกิดจากสภาพของถนนจริงๆ แล้วที่ไม่เข้าไปแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นกรมทางหลวง กรมการขนส่งทางบก ที่พบเห็นปัญหาและไม่เข้าไปแก้ไข เพราะมีข้อจำกัดด้วยข้อกฎหมาย เพราะเป็นเขตอุทยาน ก็จะเชิญมาพูดคุยหารือการทำงานเชื่อมระหว่างหน่วยงานเพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างไร ไม่ได้ปล่อยให้ประชาชนมาเสียชีวิตอยู่บนความเสี่ยงสำหรับการเดินทางเช่นนี้ แต่ขอให้ได้ข้อยุติเบื้องต้นวันนี้ก่อน” นายสุรชัย กล่าว

เมื่อถามถึงการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนนั้น นายสุรชัย กล่าวว่า ถ้าหน่วยงานต่างๆ ตั้งใจทำงานจริงๆ ก็เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขได้ ไม่เช่นนั้น ประเทศอื่นทั่วโลก ทำไมมีความปลอดภัยมากกว่าประเทศไทย และตลอดทั้งปี ประเทศไทยมีคนเสียชีวิตเป็นหมื่นราย จะปล่อยให้คนเสียชีวิตจากความไม่ปลอดภัยบนท้องถนนได้อย่างไร เรากำหนดเรื่องทศวรรษแห่งความปลอดภัย เรื่องนี้ต้องพูดคุยกันให้หนักแน่นมากขึ้น รัฐสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ จะบูรณาการเชื่อมประสานการทำงานของหน่วยงานต่างๆ เข้าด้วยกัน ให้ข้อเสนอแนะผ่านไปยังรัฐบาลเพื่อให้เกิดข้อสั่งการ เรากำหนดวันที่ 21 มกราคม ของทุกปี เป็น “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนแห่งชาติ” แต่ไม่มีมาตรการระดับชาติในการแก้ปัญหา จึงจะพยายามเข้ามีส่วนเข้ามาผลักดันการทำงานของแต่ละหน่วยงาน

เมื่อถามถึงข้อเสนอให้ทบทวนงบดูงานและยกเลิกทัศนศึกษาดูงาน นายสรุชัย กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นเรื่องปลายเหตุ ส่วนหนึ่งเป็นความเห็นที่ว่า ถ้าแก้ต้นเหตุไม่ได้ให้แก้ปลายเหตุ ไม่เช่นนั้นต่อไปต้องแก้ด้วยวิธีการไม่ให้ประชาชนเดินทาง ไปใช้วิธีการคมนาคมทางอื่นแทนเส้นทางกลาง แต่ถ้าเราทำถนนให้ปลอดภัย ถ้าเป็นการทัศนศึกษาที่เป็นจริง และใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่า ก็คงไม่ต้องไปยกเลิก.