เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นายวรวิทย์ หยูดำ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ 12 (นครศรีธรรมราช) นายณรงค์ศักดิ์ ธรรมานนท์ หน.ชุดปฏิบัติการพิเศษ สจป.12 (นครศรีธรรมราช) คนนายสมนึก กุนหลัด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญงาน ในฐานะหัวหน้าป่านันทนาการเกาะมุกด์ สนธิกำลัง ฝ่ายปกครอง อ.กันตัง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ตำรวจ จ.ตรัง ตำรวจ บก.ปทส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กว่า 100 นาย เข้าตรวจสอบป่านันทนาการเกาะมุกด์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หาดฝรั่ง” ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเกาะมุกด์ หมู่ที่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการบุกรุกของกลุ่มบุคคล เพื่อวางแผงร้านค้าขายสินค้า
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าบริเวณหาดทรายซึ่งถูกจัดเป็นเขตการท่องเที่ยวและนันทนาการ มีการตั้งเก้าอี้และร่มชายหาดอยู่เต็มพื้นที่ พบเต็นท์ร้านค้าจำนวน 10 ร้าน นายสมนึก กุนหลัด หัวหน้าป่านันทนาการเกาะมุกด์ จึงได้ทำการชี้แจงให้ผู้ค้าได้ทำการย้ายเต็นท์ร้านค้าจากริมชายหาดเข้ามาในแนวป่า แต่ก็ได้รับเสียงคัดค้านกันเป็นอย่างมาก เพราะชาวบ้านอ้างว่าไม่ได้รับการแจ้งจากเจ้าหน้าที่มาก่อน และมีการปล่อยข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะมาทำการรื้อถอนร้านค้า จึงเกิดเหตุการณ์ชุลมุน ก่อนที่มีการตั้งโต๊ะเจรจา โดยให้ตัวแทนชาวบ้านพูดคุยทำความเข้าใจ
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ชาวบ้านยังคงคัดค้านและไม่ยอมลงชื่อในข้อตกลง เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ และลงมือเตรียมตรวจยึดเต็นท์ร้านค้า จากนั้นชาวบ้านได้ขอให้มีการพูดคุยอีกรอบ
โดยได้ขอสรุป 1.สามารถให้ใช้พื้นที่ได้อีก 2 เดือน มี.ค.-เม.ย. 68 (ช่วงหน้าเทศกาลท่องเที่ยว) 2.ขยับร้านค้าขึ้นมาจากแนวชายหาด และตั้งโต๊ะได้แค่ 2 แถว 3.การดำเนินการก่อสร้าง “ป่านันทนาการเกาะมุก“ ต้องมีชาวบ้านในพื้นที่และทุกภาคส่วนรวมประชุม และต้องมีการทำประชามิติ ในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ และการเก็บค่าบำรุงสถานที่กับนักท่องเที่ยว ชาวบ้านยังไม่ยอมรับในข้อตกลงที่ 3 ซึ่งจะหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยย้ายเต็นท์และโต๊ะ ให้กับผู้ประกอบการเข้าแนวเขตที่ได้วางไว้
นายสมนึก เปิเดเผยว่า วันนี้ตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังเพื่อที่จะทำการรื้อถอนร้านค้าที่มาขายของตรงบริเวณที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ จนมีการเจรจากับผู้ค้ายอมที่จะถอยเต็นท์ร้านค้าไปในสถานที่ที่กำหนด ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้มีผ่อนผัน และมีการนัดพบปะพูดคุยทั้งที่ว่าการอำเภอ รวมทั้งลงพื้นที่พูดคุยและปักป้ายแจ้งเตือน เพื่อขอให้ชาวบ้านย้ายข้าวของออกจากบริเวณชายหาด เนื่องจากเป็นการบุกรุกพื้นที่เขตการท่องเที่ยวและนันทนาการ ที่ประชาชนมีสิทธิใช้ร่วมกัน หลังจากนี้จะมีการก่อสร้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อาคารสำนักงาน ป้อมยาม และห้องน้ำเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวต่อไป.