เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 68 มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “Rangsiman Rome” หรือ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมาโพสต์ข้อความสุดผวา ถ้าหากส่งชาวอุยกูร์กลับจีน เกรงว่าจะเกิดผลกระทบอย่างมาก และถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของประเทศไทย เพราะกระทบความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ โดยเฉพาะบทบาทของไทยในด้านสิทธิมนุษยชน ฉะนั้น รัฐบาลควรจะกล้าหาญที่ออกมาจัดการเรื่องนี้ และสื่อสารต่อสังคมให้ชัดเจน

โดยเจ้าของโพสต์ ระบุข้อความว่า “ผมได้ติดตามกรณีมีข้อสงสัยว่า อาจจะมีการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน และมีรถต้องสงสัยถูกปิดด้วยสติกเกอร์สีดำรอบคันเป็นขบวนรถหลายคัน โดยเมื่อมีผู้จะพยายามติดตามขบวนรถคันนี้ขึ้นทางด่วน แต่ก็ถูกปิดกั้นและปิดทางด่วนตั้งแต่ 02.00 น. เป็นต้นไป รวมถึงเช้าวันนี้ยังพบไฟลต์บินปริศนา ซึ่งในส่วนนี้ผมเองก็ไม่ยืนยันว่า จะมีการส่งไปยังจีนหรือไม่อย่างไร แต่ก็พูดกันอย่างตรงไปตรงมาว่า บางคนที่ผมพยายามที่เกี่ยวข้องที่ผมพยามติดต่อด้วย ก็ติดต่อไม่ได้ และยังมีข้อบ่งชี้ที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการที่นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์บริเวณ ตม.สวนพลู ก็พบว่ามีการปิดบริการตู้ atm บริเวณหน้า ตม. ที่ปกติจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปใช้บริการและการปิดทำการ ตม. 2 วัน อีกด้วย”

“ทั้งหมดนี้ยังไม่มีใครให้คำยืนยันได้ว่า มีการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนจริงหรือไม่ และถ้าหากรัฐบาลตัดสินใจส่งกลับไปยังประเทศจีนจริง ผมก็คิดว่าจะเกิดผลกระทบอย่างมาก และถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของประเทศไทย เพราะกระทบความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ โดยเฉพาะบทบาทของไทยในด้านสิทธิมนุษยชน โดยการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นการละเมิดกฎหมายพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายซึ่งเป็นกฎหมายภายในประเทศของเราเอง“
อย่างไรก็ตาม “กฎหมายระหว่างประเทศ เพราะถ้าติดตามข่าวจะเห็นว่า รมว.ต่างประเทศ ของสหรัฐ ให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน และถ้าหากเรานึกถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2558 ก็เคยเกิดเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ หลังไทยตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับจีน จุดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล ซึ่งผมไม่อยากทำนาย แต่มองด้วยความเป็นห่วง ว่าจะมีผลกระทบหลากหลายรูปแบบมาก ซึ่งรัฐบาลก็ควรจะกล้าหาญที่ออกมาจัดการเรื่องนี้ และสื่อสารต่อสังคมให้ชัดเจน ผมได้แต่ภาวนาไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง”
ขอบคุณข้อมูล : Rangsiman Rome