เกาะรามรี (Ramree Island) ประเทศเมียนมา ณ ที่แห่งนี้ยังคงตามหลอกหลอนผู้คนด้วยเรื่องเล่าสุดสะพรึง ที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวของทหารญี่ปุ่นนับพัน ที่ต้องเผชิญหน้ากับฝูงจระเข้น้ำเค็มดุร้ายในหนองน้ำมรณะ กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

ปี ค.ศ. 1945 สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังจะปิดฉาก แต่สำหรับทหารญี่ปุ่นนับพันชีวิตบนเกาะรามรี เกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมียนมา พวกเขากำลังเผชิญกับนรกบนดิน! เรื่องราวสุดสะพรึงที่ถูกบันทึกลง Guinness Book of World Records ในฐานะ “การโจมตีโดยจระเข้ที่คร่าชีวิตมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์”

ลองจินตนาการถึงสถานการณ์อันเลวร้าย! คุณคือส่วนหนึ่งของกองทัพที่ถูกศัตรูล้อมกรอบบนเกาะเขตร้อน เส้นทางเดียวที่จะรอดคือการข้ามหนองน้ำที่เต็มไปด้วยจระเข้ดุร้าย! นี่ไม่ใช่ฉากจากภาพยนตร์สยองขวัญ แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในการสังหารหมู่บนเกาะรามรี!

จะเลือกอะไร? เสี่ยงชีวิตข้ามหนองน้ำนรก หรือยอมจำนนต่อศัตรูที่กำลังคืบคลานเข้ามา? นี่คือคำถามที่ทหารญี่ปุ่นนับพันต้องเผชิญหน้าบนเกาะรามรี ในอ่าวเบงกอล ช่วงต้นปี ค.ศ. 1945

ก่อนจะถึงนรกเขี้ยวคม: สมรภูมิเกาะรามรีอันดุเดือด

กองทัพอังกฤษต้องการเกาะรามรีเป็นฐานทัพอากาศเพื่อโจมตีญี่ปุ่น การต่อสู้ยืดเยื้อนานถึง 6 สัปดาห์ จนกระทั่งนาวิกโยธินอังกฤษ และกองพลทหารราบอินเดียที่ 36 โจมตีด้านข้าง ทำให้ทหารญี่ปุ่น 1,000 นาย ถูกตัดขาดจากกองทัพหลัก ไม่สามารถต้านทานกองกำลังของทหารอังกฤษที่เหนือกว่าได้

อังกฤษยื่นข้อเสนอให้ยอมจำนน แต่ทหารญี่ปุ่นตัดสินใจถอยร่นหนีไปโดยการลุยน้ำทะเลระดับหน้าอก และต้องเดินเข้าไปในป่าชายเลน ระยะทาง 8 ไมล์ เพื่อนำกำลังไปสมทบกับกองกำลังอีกส่วนหนึ่งที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะ โดยเข้าไปยัง “ป่าพรุ” ซึ่งพวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังเดินเข้าสู่ขุมนรก!

เสียงกรีดร้องท่ามกลางความมืด: นรกเขี้ยวคมแห่งเกาะรามรี

ป่าชายเลนเต็มไปด้วยโคลนหนา กองทัพอังกฤษเฝ้ามองจากระยะไกล พวกเขารู้ดีว่าอะไรกำลังรอทหารญี่ปุ่นอยู่: จระเข้น้ำเค็ม! สัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดในโลก!

จระเข้น้ำเค็มเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวผู้ทั่วไปมีความยาว 17 ฟุต และหนัก 1,000 ปอนด์ และตัวที่ใหญ่ที่สุดสามารถยาวถึง 23 ฟุต และหนัก 2,200 ปอนด์ หนองน้ำเป็นถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของพวกมัน และมนุษย์ไม่สามารถเทียบได้กับความเร็ว ขนาด ความคล่องแคล่ว และพลังดิบของพวกมัน

ทหารญี่ปุ่นรู้ว่าจระเข้น้ำเค็มกินคน แต่พวกเขาก็ยังคงก้าวเท้าลงสู่หนองน้ำมรณะ โรคภัยไข้เจ็บ ความอดอยาก และสัตว์ร้ายในป่าเริ่มคร่าชีวิตพวกเขา

เมื่อทหารญี่ปุ่นเคลื่อนพลลงสู่หนอง จระเข้ก็ปรากฏตัว! และพวกมันออกล่าในความมืด!

บันทึกจากขุมนรก: เสียงกรีดร้องและเขี้ยวคม

บรูซ สแตนลีย์ ไรท์ นักธรรมชาติวิทยาที่อยู่ในเหตุการณ์บันทึกไว้ว่า: “คืนนั้น (19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945) เป็นคืนที่น่ากลัวที่สุด… จระเข้… เฝ้ารออาหารมื้อต่อไป เมื่อน้ำลง พวกมันก็เคลื่อนตัวเข้าหาคนตาย คนบาดเจ็บ และคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ…”

เสียงปืนไรเฟิลดังสนั่น… เสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้บาดเจ็บที่ถูกขยี้ในขากรรไกรของจระเข้… และเสียงขย้ำเนื้อจนกระดูกแตกหักดังประสานกันในความมืดมิด เสียงแห่งนรกที่ไม่เคยมีใครเลียนแบบได้… จระเข้ร้ายนับร้อยตัวโผล่ขึ้นจากน้ำ โจมตีทหารญี่ปุ่นอย่างบ้าคลั่ง ฉีกทึ้งร่างเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดสีแดงฉานย้อมผืนน้ำให้กลายเป็นสีเลือด เมื่อรุ่งสาง ฝูงแร้งก็มาถึงเพื่อทำความสะอาดสิ่งที่จระเข้ทิ้งไว้

เช้าวันรุ่งขึ้น ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของทหารอังกฤษ คือภาพของหนองน้ำที่เต็มไปด้วยซากศพทหารญี่ปุ่น และจระเข้ที่อิ่มหมีพีมันกับอาหารมื้อใหญ่ จากทหาร 1,000 นาย มีรายงานว่ารอดชีวิตประมาณ 500 นาย! Guinness Book of World Records บันทึกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “การโจมตีโดยจระเข้ที่สังหารชีวิตมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์”

แต่ทหารญี่ปุ่นราว 500 นาย ที่ไม่ถูกจระเข้กิน ก็ไม่เคยได้ออกจากป่าพรุอีกเลย คาดว่าส่วนใหญ่คงตายเพราะสภาพร่างกายที่อิดโรย ขาดน้ำ ขาดอาหาร ถูกสัตว์มีพิษต่าง ๆ โจมตี หรือตายจากอาการบาดเจ็บสาหัสที่ถูกจระเข้โจมตี ทำให้เหลือรอดแค่บางส่วน

จริง ๆ แล้ว การประมาณจำนวนผู้เสียชีวิตจากแหล่งต่าง ๆ แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่อังกฤษรู้แน่ชัดคือมีผู้ชาย 20 คน ออกมาจากหนองน้ำและถูกจับกุมตัวไปเป็นเชลย ทหารญี่ปุ่นเหล่านี้ บอกผู้จับกุมเกี่ยวกับจระเข้ แต่จำนวนคนที่เสียชีวิตในปากของจระเข้ผู้ยิ่งใหญ่ยังคงเป็นที่ถกเถียง เพราะไม่มีใครรู้ว่าทหารจำนวนเท่าใดที่ล้มป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ภาวะขาดน้ำ หรือความอดอยาก และจำนวนเท่าใดที่เสียชีวิตจากการถูกจระเข้ล่าเหยื่อ

ปริศนายังคงปกคลุมเรื่องราวนี้ นักประวัติศาสตร์หลายคนตั้งข้อสงสัยถึงความน่าเชื่อถือของเหตุการณ์ บ้างก็ว่าเป็นการกล่าวเกินจริง บ้างก็ว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ถูกแต่งเติมขึ้น แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร เรื่องราวของเกาะรามรีก็ยังคงเป็นตำนานที่น่าสะพรึงกลัว และเป็นเครื่องเตือนใจถึงความโหดร้ายของสงคราม และพลังอำมหิตของธรรมชาติ

เกาะรามรี… สถานที่ ๆ ความจริงและความสยองขวัญหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว!

ที่มาและภาพ : allthatsinteresting, history.howstuffworks, relicsww2.net, medium.com