หลังห่างหายไปจากการทำตลาดไทยนานถึง 10 ปี สำหรับ “บิ๊กโคล่า” เครื่องดื่มน้ำอัดลม ภายใต้ บริษัท อาร์เจไทย จำกัด ที่เคยสร้างชื่อในสมรภูมิตลาดน้ำดำด้วยกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” จนสามารถขึ้นครองส่วนแบ่งการตลาด 12% เป็นอันดับ 3 ในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมเมื่อยุคอดีต

“ฮวน โฆเซ่ โลเปซ เวอการ่า” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เจไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มบิ๊กโคล่า กล่าวว่า ช่วง 10 ปีที่บิ๊กโคล่าหายไปจากตลาดไทยนั้น เพื่อไปพัฒนาสินค้า เพิ่มไลน์การผลิตจากแค่เครื่องดื่มน้ำอัดลม เป็นสินค้าที่หลากหลายทั้งเครื่องดื่มชา กาแฟ น้ำดื่ม และเครื่องดื่มชูกำลัง
แต่เมื่อกลับมาทำตลาดในไทยรอบนี้ ปรากฏว่าคนไทยคิดถึงแบรนด์ “บิ๊กโคล่า” น้อยลง จากเดิมที่เป็นแบรนด์แรกของน้ำอัดลมที่คนไทยนึกถึง (Top of mind) ถึงสัดส่วน 25% วันนี้กลับลดเหลือสัดส่วนเพียงแค่ 8% เท่านั้น

ทำให้ปีนี้ทุ่มเงินลงทุนมากถึง 100 ล้านบาท เพื่อกลับมาทวงบัลลังก์ผู้นำอันดับ 3 ของตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมกลับมาอีกครั้ง ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นพาทเนอร์ชิพกับทีมสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกระดับโลกประเทศอังกฤษ ระยะเวลาสัญญา 2 ปี ในการนำตราสัญลักษณ์สโมสรนักฟุตบอลและสิทธิประโยชน์อื่นๆมาทำกิจกรรมการตลาดในประเทศไทยและอินโดนีเซีย
ประเทศไทยและอินโดนีเซีย ถือเป็นประเทศที่มีฐานแฟนคลับแข็งแรงมาก โดยเฉพาะจากในโซเชียลมีเดียที่ได้สร้างมากว่า 10 ปี ซึ่งส่วนใหญ่อายุยังน้อย มีการติดตามการแข่งขันทุกแมชผ่านโซเชียลฯแตกต่างจากประเทศอื่นๆที่ติดตามผ่านทีวี ทำให้ปัจจุบันแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มียอดผู้ติดตามในไทย 5 ล้านราย และในอินโดนีเซียมียอดผู้ติดตามมากถึง 44 ล้านราย จึงทำให้มีการเลือกและเซ็นสัญญาเพื่อทำตลาดในประเทศดังกล่าว
“ตอนนี้การขายสินค้าราคาถูก และมีวางขายไปวันๆไม่ได้แล้ว เพราะคู่แข่งก็เพิ่มขึ้นจากอดีตที่มีแค่โค้ก และเป๊บซี่ จึงจำเป็นต้องลุกขึ้นมาทำการตลาด ให้ผู้บริโภครับรู้และเข้าถึงแบรนด์มากยิ่งขึ้น และขยายช่องทางขายให้ครอบคลุมทั้งร้านอาหาร ร้านโชห่วย ซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมกับปรับองค์กรใหม่โดยดึงคนเก่งๆกลับเข้ามาช่วยทำงาน“
โดยปี2568 นี้ ตั้งเป้าหมายมียอดขาย 4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 3,600 ล้านบาท ในปีที่แล้ว พร้อมกับค่อยๆมีส่วนแบ่งในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมกลับขึ้นมาที่ 15% จากขณะนี้ลดลงเหลือแค่ 6% ในภาพรวมตลาดมูลค่า 62,000 ล้านบาท

นอกเหนือจากธุรกิจเครื่องดื่มแล้ว ขณะนี้บริษัทยังขยายตัวไปในธุรกิจใหม่เพื่อบริหารความเสี่ยง มากขึ้นทั้งกลุ่มอาหาร ขนมขบเคี้ยว เปิดซูเปอร์มาร์เก็ต เพราะปัจจุบันธุรกิจเครื่องดื่มมีกำไรค่อนข้างต่ำ
ล่าสุด ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาจึงไปสร้างโรงงานกลุ่มสินค้าโฮมแคร์ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี ใกล้กับโรงงานบิ๊กโคล่า ซึ่งเป็นประเทศที่3 ที่เข้าไปตั้งโรงงานรองจากเปรู และเอกวาดอร์ เบื้องต้นผลิตและจำหน่ายน้ำยาซักผ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่ม เนื่องจากมองว่าตลาดโฮมแคร์ในไทยใหญ่ถึง 43,200 ล้านบาท โดยที่กลุ่มน้ำยาปรับผ้านุ่มมีมูลค่า 28,800 ล้านบาท