สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ว่านาอูรูมีแผนย้ายถิ่นฐานครั้งสำคัญไปยังแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่ค่อย ๆ สูงขึ้น กำลังกัดเซาะชายฝั่งอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลจะระดมทุนจากการขายพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทาง ในราคาเล่มละ 105,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 ล้านบาท) แม้มีความกังวล และการตั้งคำถามจากหลายฝ่าย ถึงการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
นาอูรู เป็นประเทศเกาะซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดเล็กในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ มีพื้นที่เพียง 21 ตารางกิโลเมตร จึงเป็นหนึ่งในประเทศซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดในโลก และพื้นที่เพียงเล็กน้อยที่ยังเหลืออยู่ก็ถูกคุกคามจากกระแสน้ำที่ไหลเข้ามาอย่างหนัก โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่า ระดับน้ำทะเลในนาอูรูเพิ่มขึ้นสูงขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 1.5 เท่า
“We will not wait for the waves to wash away our homes and infrastructure.” The tiny island nation of Nauru faces extreme flooding risks fueled by climate change, and is selling citizenships to fund a project to move about 10,000 people to higher ground https://t.co/XKpiF0FVtk
— Bloomberg Green (@climate) February 23, 2025
นายเอ็ดเวิร์ด คลาร์ก ผู้ดำเนินโครงการพลเมืองเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสภาพอากาศของนาอูรู กล่าวว่า ความพยายามในการระดมทุนเพื่อสภาพอากาศที่มีอยู่ขณะนี้นั้น “ไม่เพียงพอ” ที่จะรับมือกับความท้าทายครั้งนี้ และการกู้เงินถือเป็นภาระที่เกินควรสำหรับคนรุ่นต่อไป
คลาร์กระบุว่า รัฐบาลคาดว่าจะได้รับเงิน 5.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 192 ล้านบาท) ในปีแรกของโครงการ หรือจากผู้สมัครที่ประสบความสำเร็จประมาณ 66 คน และคาดหวังว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,449 ล้านบาท) หรือประมาณ 500 คน ซึ่งคิดเป็นเกือบ 20% ของรายได้ทั้งหมดของรัฐบาล ขณะที่การย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่นี้จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,023 ล้านบาท)
อนึ่ง รัฐบาลนาอูรูอ้างว่า พาสปอร์ตของนาอูรูสามารถเดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้วีซ่าได้มากถึง 89 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และฮ่องกง.
เครดิตภาพ : AFP