สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ว่านาอูรูมีแผนย้ายถิ่นฐานครั้งสำคัญไปยังแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่ค่อย ๆ สูงขึ้น กำลังกัดเซาะชายฝั่งอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศ

ทั้งนี้ รัฐบาลจะระดมทุนจากการขายพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทาง ในราคาเล่มละ 105,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 ล้านบาท) แม้มีความกังวล และการตั้งคำถามจากหลายฝ่าย ถึงการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ

นาอูรู เป็นประเทศเกาะซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดเล็กในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ มีพื้นที่เพียง 21 ตารางกิโลเมตร จึงเป็นหนึ่งในประเทศซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดในโลก และพื้นที่เพียงเล็กน้อยที่ยังเหลืออยู่ก็ถูกคุกคามจากกระแสน้ำที่ไหลเข้ามาอย่างหนัก โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่า ระดับน้ำทะเลในนาอูรูเพิ่มขึ้นสูงขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 1.5 เท่า

นายเอ็ดเวิร์ด คลาร์ก ผู้ดำเนินโครงการพลเมืองเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสภาพอากาศของนาอูรู กล่าวว่า ความพยายามในการระดมทุนเพื่อสภาพอากาศที่มีอยู่ขณะนี้นั้น “ไม่เพียงพอ” ที่จะรับมือกับความท้าทายครั้งนี้ และการกู้เงินถือเป็นภาระที่เกินควรสำหรับคนรุ่นต่อไป

คลาร์กระบุว่า รัฐบาลคาดว่าจะได้รับเงิน 5.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 192 ล้านบาท) ในปีแรกของโครงการ หรือจากผู้สมัครที่ประสบความสำเร็จประมาณ 66 คน และคาดหวังว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,449 ล้านบาท) หรือประมาณ 500 คน ซึ่งคิดเป็นเกือบ 20% ของรายได้ทั้งหมดของรัฐบาล ขณะที่การย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่นี้จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,023 ล้านบาท)

อนึ่ง รัฐบาลนาอูรูอ้างว่า พาสปอร์ตของนาอูรูสามารถเดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้วีซ่าได้มากถึง 89 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และฮ่องกง.

เครดิตภาพ : AFP