ความคืบหน้าเดลินิวส์ ตามเกาะติดคดี นายทุนใหญ่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ปรับไถพื้นที่ตามแนวเชิงเขาจนกลายเป็นสวนทุเรียนแปลงใหญ่อย่างเป็นระบบมาตรฐาน จนเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสจ.ฉะเชิงเทรา) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้, ป.ป.ท. และดีเอสไอ ร่วมกันเข้าตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด บริเวณหมู่ 20 บ้านห้วยนา และหมู่ 14 บ้านเขากล้วยไม้ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ พร้อมนำป้ายไปปักแสดงพื้นที่ตรวจยึดดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชีวะภาพ ชีวะธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้เชิญตัวแทนจากฝ่ายเกี่ยวข้องร่วมประชุม โดยทางปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และอธิบดีกรมป่าไม้ มอบหมายเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุม โดยมีนายพันธ์ศักดิ์ ธรรมรัตน์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติ ทสจ.ฉะเชิงเทรา และนายพัชร์ภารุจ สุคนธร ผอ.สำนักฯ ทสจ.ฉะเชิงเทรา เข้าร่วม โดยที่ประชุมได้แนะนำให้ไปหาข้อมูลพยานหลักฐาน และพยานบุคคลเพิ่มเติมให้มากกว่านี้ เพราะจะมีผลต่อการดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางแพ่ง เนื่องจากกรมป่าไม้จะต้องให้การหลังจากนี้

นายพัชร์ภารุจ ผอ.สำนักฯ ทสจ.ฉะเชิงเทรา ได้นำหลักฐานประกอบด้วยภาพถ่าย และภาพจากการบินสำรวจ แสดงให้ในที่ประชุมคณะกมธ.ดูด้วย โดยปรากฏภาพที่มี “เสาไฟฟ้า” ตั้งเรียงรายในพื้นที่ถนนทางเข้าสวนทุเรียน ซึ่งนายชีวะภาพ ได้แจ้งให้ทางกรมป่าไม้ สอบถามเพิ่มเติมไปที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.ฉะเชิงเทรา ว่าได้ติดตั้งเสาไฟฟ้าและเดินกระแสไฟเข้ามาบริเวณสวนทุเรียนตั้งแต่เมื่อใด และค่าไฟที่เกิดขึ้น ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย รวมถึงการให้สอบถามไปยังสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลถึงการขุดเจาะน้ำบาดาล เพื่อวางระบบท่อฉีดน้ำสวนทุเรียน มีการขออนุญาตหรือไม่

ด้านนายชีวะภาพ กล่าวว่า หน่วยป้องกันและรักษาป่าหนองคอก กรมป่าไม้ ได้เข้าไปตรวจยึดและปิดป้ายประกาศแล้ว โดยเบื้องต้นพบว่า มีความผิดตามมาตรา 14 ยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 54 พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งพื้นที่ปลูกทุเรียนส่วนใหญ่พบว่าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน และบางส่วนพบในที่ดินที่กรมป่าไม้ อนุญาตให้จังหวัดมาจัดตามคณะกรรมการนโยบายที่ดิน (คทช.) นอกจากนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นจากเว็บไซต์ของบริษัทที่เข้าดำเนินการเรื่องนี้ เป็น “กลุ่มทุนจีน” บริษัทหนึ่ง ซึ่งมีการระบุด้วยว่า ได้ลงมือทำสวนทุเรียนในประเทศไทย 5,335 ไร่ ในประเทศมาเลเซีย 339 ไร่ โดยในพื้นที่มีการเตรียมดิน เตรียมระบบน้ำ และระบบไฟฟ้าเพื่อปลูกทุเรียนเอาไว้เกือบสมบูรณ์แบบแล้ว

“ข้อสำคัญที่ขอให้ตรวจสอบ เพราะอยากให้เกิดการตรวจสอบและฝ่ายเกี่ยวข้องดำเนินการแจ้งความเอาผิด บริษัท และบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยขอย้ำว่า กรมป่าไม้อย่าเอานอมินีมาเป็นคนผิด ขอให้ไปตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงว่า ตัวการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ เป็นใครกันบ้าง ทั้งกลุ่มทุน เจ้าหน้าที่ หรือแม้กระทั่งชาวบ้าน ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจาก คทช.ฉะเชิงเทรา แล้วเอาไปปล่อยต่อ หรือขายต่อให้บริษัททุนข้ามชาติ ไม่ควรปล่อยไว้เหมือนกัน ต้องโดนดำเนินคดีให้เป็นแบบอย่างด้วย” นายชีวะภาพ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในที่ประชุมยังมีมติให้เชิญตำรวจ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในการประชุมครั้งถัดไปและรายละเอียดที่ได้แจ้งตัวแทนจากกรมป่าไม้ไปแล้ว เพื่อขยายผลถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงมาตรการและข้อเสนอแนะต่อฝ่ายเกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก พร้อมเร่งตรวจสอบการปลูกทุเรียนรุกป่าสงวนในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด โดยเชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจง ที่ประชุมพิจารณาแล้ว เนื่องจากพื้นที่ปลูกทุเรียนของนายทุน ทับซ้อนกับแปลงของ คทช. ที่จังหวัดฉะเชิงเทราได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ซึ่ง คทช.ฉะเชิงเทรา ยังไม่ได้จัดที่ดินทำกินให้กับผู้ใด จึงเห็นควรให้หน่วยงานของกรมป่าไม้เป็นผู้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีได้ โดยบูรณาการร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติฯฉะเชิงเทรา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการโดยเร่งด่วน

ทางด้าน พล.ต.ต.เกรียงไกร บุญซ้อน ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นายอำนวย เกษตรสินธุ์นุกูล นายอำเภอท่าตะเกียบ นายชัยนันท์ อิ่มเจริญ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ท่าตะเกียบ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมที่ สภ.ท่าตะเกียบ หลังมีคำสั่งจากนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผวจ.ฉะเชิงเทรา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเร่งตรวจสอบในเรื่อง “กลุ่มทุน” บุกรุกในที่ดินทำสวนทุเรียน จาก 500 ไร่ ตรวจเพิ่มเป็น 688 ไร่นั้น ทาง พล.ต.ต.เกรียงไกร ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เตรียมเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาที่ สภ.ท่าตะเกียบ เพื่อเร่งสอบสวนขยายผลคดีต่อไป.