สวัสดีเดือนมีนาคม กับสารพันสาระยานยนต์กับ อ้วนซ่า แอบซิ่ง อีกเช่นเคย เป็นที่รู้กันดีว่าในทุกวันนี้ตลาดรถบ้านเราอยู่ในช่วงลูกผีลูกคน ยอดขายรถยนต์แต่ละค่ายต่ำกว่าเป้ากันแทบทั้งนั้น แต่ในเมื่อชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป และอะไรที่สามารถปรับปรุงได้ และมีลงทุนน้อยอย่างการ “ไมเนอร์เชนจ์” เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อที่จะพลิกสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นให้จงได้

ตัวอย่างที่เห็นได้ก็คือ รถยนต์สไตล์ครอสโอเวอร์ พิกัด SUV-B ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท จากเกาหลีใต้ (พิกัดเดียวกับ นิสสัน คิกส์, มาสด้า ซีเอ็กซ์ 3, และโตโยต้า ยาริส ครอส) โดยเป็นรถที่นำเข้ามาจากโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซีย นั่นก็คือ “ฮุนได เครต้า” (Hyundai Creta) ในปี 2022 ในช่วงเวลายุคที่โควิดยังค่อนข้างจะคึกคัก การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ค่อนข้างจะไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากสาเหตุที่ตลาดเองก็เริ่มส่งสัญญาณในช่วงขาลง แล้ว ก็คือ ฮุนได เครต้า รุ่นนั้นมีหน้าตาค่อนข้างฉวัดเฉวียน ไม่ลงตัว ไม่ว่าจะมองจากด้านหน้าหรือด้าน หลัง แถมการออกแบบภายในแม้จะใช้หน้าจอเป็นจอภาพความละเอียดสูง ที่เปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอได้ ค่อนข้างจะล้ำสมัย แต่การออกแบบแดชบอร์ดมันก็ดูอนุรักษ์นิยม ทำให้ทุกอย่างดูขัดตาไปหมด สะท้อนออกมาเป็นยอดขายที่ต่ำเตี้ย เพราะถูกตลาดเมิน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้มาก่อนเสียด้วยซ้ำไปว่ามีรถรุ่นนี้ขายอยู่ในบ้านเรา

แต่ในปี 2025 นี้ ฮุนได เครต้า ได้เปิดตัวเวอร์ชั่นปรับโฉมใหม่ หรือไมเนอร์เชนจ์ ในประเทศอินโดนีเซียแล้ว โดยการปรับปรุงนี้ถือได้ว่า ทำได้อย่างยอดเยี่ยม จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นรถคันเดิม เพราะการเปลี่ยนจากหน้าตาฉวัดเฉวียนทั้งด้านหน้า ด้านท้าย มาเป็นรถที่หน้าตาหล่อสมาร์ท ด้วยการใช้เส้นสายที่ตรง และเป็นเหลี่ยมสัน ช่วยทำให้ดูแล้ว “สุภาพบุรุษ” ขึ้นอย่างชัดเจน เชื่อว่าถูกใจลูกค้าชายหนุ่มได้ไม่ยาก

ส่วนห้องโดยสารเรียกได้ว่า “ว้าว!” เพราะกระโดดหนีจากของเดิมไปอย่างไม่เห็นฝุ่น โดดเด่นด้วยการใช้รูปแบบของแผงหน้าปัดที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำ ยาวต่อเนื่องตั้งแต่หน้าปัดไปถึงหน้าจออินโฟเทนเม้นต์ขนาด 10.25 นิ้วกลางแดชบอร์ด ดูสวยงามลงตัวเข้ากับยุค 2025 ที่ถ้ารถคันไหนยังใช้จอเล็กๆจะดูเชย จากอิทธิพลการออกแบบของเหล่ารถไฟฟ้ารุ่นใหม่

อีกสิ่งที่ทำได้ดี แตกต่างไปจากความนิยมของรถไฟฟ้าในปัจจุบัน ก็คือ เครต้า ยังมาพร้อมปุ่มกดที่กดได้จริงๆ ไม่ได้ย้ายการทำงานทุกอย่างเข้าไปอยู่ในจอเสียหมด เรียกว่าน่าจะถูกใจสายอนุรักษ์นิยมไม่น้อย นอกจากนั้นการออกแบบแผงหน้าปัด เป็นสีเทาอ่อน โดยออกแบบให้พาร์ทสีเทาอ่อนนั้นวิ่งต่อเนื่องไปกับแผงประตู และในขณะเดียวกันก็ยังนำเอาสีเทาอ่อนมาเล่นกับเบาะนั่งทั้งคู่หน้า และคู่หลัง ให้ความรู้สึกที่โปร่งสบายทันสมัย

แน่นอนว่า เครต้า ยังคงยืนหยัดกับขุมกำลังเบนซิน 1.5 ลิตร แต่ได้รับการอัพเกรดให้มาพร้อมระบบเทอร์โบ และมีกำลังถึง 160 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที กับแรงบิดดีเยี่ยม 235 นิวตัน-เมตร ที่รอบต่ำเพียง 1,500 รอบ/นาทีเท่านั้น ในขณะที่รุ่นก่อนหน้านี้เป็นเครื่อง 1.5 ลิตร มีกำลังเพียง 115 แรงม้า กับแรงบิด 143 นิวตัน-เมตร เท่านั้น และที่ดีกว่านั้นคือ มันเปลี่ยนไปใช้เกียร์อัตโนมัติแบบคลัชต์คู่ DCT 7 จังหวะ! การันตีว่า ขับสนุกกว่ารุ่นก่อนนี้แบบหนังคนละม้วน

ส่วนใครที่สงสัยว่า รถทรงนี้แม้จะยกสูงแต่ส่วนใหญ่ลุยทางวิบากไม่ค่อยจะได้ จากการที่เป็นรถขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่สำหรับรถคันนี้ ฮุนไดจัดระบบควบคุมการยึดเกาะทางวิบากมาให้คุณได้อุ่นใจคือ ระบบหิมะ โคลน และทราย โดยการทำงานจะใช้ระบบเบรก ABS ช่วยในการกระจายและถ่ายแรงจากล้อข้างที่ลื่นไถลไปยังข้างที่สามารถขับเคลื่อนรถให้ออกจากสถานการณ์คับขันได้ (แม้จะไม่สามารถแทนที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจริงๆได้ แต่ก็พอจะเอาตัวรอดได้) นอกจากนั้นยังมาพร้อม ระบบความปลอดภัยทั้งแอคทีพ และพาสซีฟนั้นจัดให้แบบเต็มระบบตามมาตรฐานของรถยนต์ในยุคปี 2025…เชื่อว่าเปิดตัวในบ้านเราภายในปีนี้อย่างแน่นอน ส่วนสนนราคานั้นก็เชื่อว่าไม่ต่างจากเดิม.