จากกรณีการแก้ปัญหา “นอมินี” ต่างชาติ หลีกเลี่ยงภาษี เข้ามาลงทุนสารพัดธุรกิจในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเฉพาะหลายจังหวัดในภาคใต้
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 ก.พ. พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดปัญหาคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร แล้วมีพฤติกรรมก่ออาชญากรรม ลักลอบทำงาน ประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นการแย่งอาชีพคนไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาค 8 ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ทั้งที่ จ.ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พังงา และกระบี่ ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มชาวต่างชาติได้เข้ามาประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในลักษณะการแข่งขันกับผู้ประกอบการชาวไทย และเป็นการประกอบธุรกิจที่เชื่อว่าละเมิดกฎหมายประเทศไทย ด้วยการจัดตั้งบริษัทนอมินี อำพรางการทำธุรกิจซึ่งคนต่างด้าวลงทุน ได้รับผลประโยชน์และหลบเลี่ยงการเสียภาษี โดยมีการช่วยเหลือของคนไทยบางกลุ่มบุคคล สำนักงานบัญชีชี้ช่องช่วยเหลือในลักษณะนอมินี ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ถูกแย่งรายได้จากธุรกิจที่คนต่างด้าวทำกิจการแข่งขัน ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ตรวจสอบและสืบสวนจับกุม

พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 ภายใต้การทำงานของศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีการดำเนินการสืบสวนมาอย่างต่อเนื่อง โดยกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับชาวต่างชาติที่เข้ามาถือครองที่ดิน และประกอบธุรกิจโรงแรม ในลักษณะของนอมินี และได้มีการขยายผลนำโมเดลการสืบสวนจับกุมของตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปใช้กับพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ทั้งที่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ โดยเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีปฏิบัติการเข้าทำการตรวจค้นปิดล้อมเป้าหมาย ที่เป็นกลุ่มชาวต่างชาติมาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายใน 7 จังหวัด รวม 29 เป้าหมาย ผลการตรวจค้นสามารถจับกุม ผู้ต้องหาได้ 23 คน โดยมีคดีสำคัญเป็นการจับกุมบุคคลสัญชาติจีนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่ได้ประกอบธุรกิจในลักษณะอำพรางให้บุคคลอื่นถือแทนลักษณะคล้ายนอมินี โดยประกอบธุรกิจ ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม, โรงเรียนนานาชาติ, โรงแรม, รถเช่า, คอนโดมิเนียม, บ้านจัดสรรค์ (วิลล่าหรู) มูลค่าการลงทุนกว่าประมาณ 1,000 ล้านบาท และทำการตรวจยึดเงินสด 4,108,000 บาท มาทำการตรวจสอบ และได้ทำการตรวจค้นสำนักงานบัญชีที่ให้การช่วยเหลือ สนับสนุนจัดทำเอกสารอำพรางการทำธุรกิจของคนต่างด้าว

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวด้วยว่า ในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการเข้าตรวจยึดเอกสารของสำนักงานกฎหมาย ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่าสำนักงานกฎหมาย เป็นภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนช่วยให้ชาวต่างด้าว เข้ามาประกอบธุรกิจในลักษณะการแข่งขันกับคนไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เกาะสมุย ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดสามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อเอาผิดชาวต่างชาติสัญชาติเยอรมัน ซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ในลักษณะไปมา แต่มีการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรม
โดยผู้ต้องหาดังกล่าว มีการร่วมมือกับสำนักงานกฎหมาย จัดตั้งบริษัทนอมินี ให้กับลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ แล้วนำไปประกอบธุรกิจโรงแรม ในการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ พบว่ามูลค่าของธุรกิจของชาวต่างชาติคนดังกล่าว มีมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยในการเข้าตรวจยึดเอกสาร พบหลักฐานว่า ชาวเยอรมันคนดังกล่าว มีการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลมากกว่า 70 บริษัท และถือครองที่ดินบนเกาะสมุยจำนวนมาก รวมถึงมีโครงการพัฒนาวิลล่า อย่างน้อย 4-5 โครงการ โดยทั้งหมดเชื่อว่ามีการใช้ช่องว่างของกฎหมายในการแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยขาดรายได้เป็นจำนวนมาก