เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ตามที่สกสค.ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มตั้งแต่เมื่อ 1 มี.ค. 2567 ปรากฏว่ามีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่กู้เงินโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. – ช.พ.ส. อยู่จำนวน 334,795 บัญชี เป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 273,838 ล้านบาท จนมาถึงปัจจุบันเป็นเวลา 1 ปี มีการประชุมหารือและได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสินเป็นอย่างดี ในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของครูและบุคลากรทางการศึกษาผ่านมาตรการความช่วยเหลือต่าง ๆ ดังนี้ กรณีครูและบุคลากรทางการศึกษาขอให้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และลดภาระค่าครองชีพ เนื่องจากเบี้ยประกันคุ้มครองเงินกู้ที่มีอัตราสูงขึ้น สกสค. ได้ดำเนินการให้ธนาคารออมสินช่วยประสานงานกับบริษัทประกันภัย เพื่อลดอัตราค่าเบี้ยประกัน ซึ่งธนาคารออมสินได้มีมาตรการช่วยเหลือโดยการไม่บังคับทำประกันแต่ให้เป็นไปโดยความสมัครใจตามเงื่อนไขของธนาคาร
เลขาธิการสกสค.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้สกสค.และธนาคารออมสิน จึงได้ประชุมร่วมกันทำข้อตกลงแก้ไขข้อความในความร่วมมือเพิ่มเติมถึงประเด็นการสรรหาผู้รับประกันสินเชื่อให้สมาชิกได้เป็นทางเลือกตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกผู้กู้ โดยความคุ้มครองต้องไม่น้อยกว่ากรมธรรม์เดิม ทั้งนี้การทำประกันสินเชื่อยังคงให้เป็นไปตามความสมัครใจของสมาชิกเช่นเดิมธนาคารออมสินลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสมาชิกโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. – ช.พ.ส. เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ลดภาระค่าครองชีพแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา สมาชิกโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.- ช.พ.ส. และสินเชื่อโครงการเกื้อกูลผู้ประกอบวิชาชีพทางการการศึกษา ระหว่างวันที่ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งมีครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับความช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นจ านวน 230,000 ราย สามารถช่วยลดภาระ ดอกเบี้ยรวมปีละ 1,600 ล้านบาท ตามที่ สกสค. ร้องขอไป นอกจากนี้ สกสค. ร่วมกับธนาคารออมสินให้ชะลอหรือระงับการฟ้องร้องและบังคับคดี เพื่อเปิดโอกาสให้มี การเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ยหรือสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งให้ระงับการคิดดอกเบี้ยทันทีที่ผู้กู้เสียชีวิต โดย สกสค. เปิดให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับความเดือดร้อนลงทะเบียนอีเล็กทรอนิกส์ แสดงความจำนงขอเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และได้ส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งธนาคารออมสินได้แจ้งผลการพิจารณาให้ทราบว่าได้แก้ไขสำเร็จไปแล้วทั้งสิ้น 8,868 ราย คิดเป็นมูลค่าความช่วยเหลือรวมประมาณ 14,917 ล้านบาท
“สำหรับการสรรหาผู้รับประกันสินเชื่อให้สมาชิกได้เป็นทางเลือกนั้น จะทำรายละเอียดร่วมกับธนาคารออมสิน กำหนดมาตรฐานของบริษัทประกัน เพื่อให้ครูได้ประโยชน์อย่างสูงสุด โดยบริษัทประกันนั้นจะต้องอยู่ในรายชื่อของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ) รวมถึงบริษัทประกันเหล่านั้นจะต้องเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านประกันสินเชื่อด้วย” ดร.พีระพันธ์ กล่าวและว่า ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูสกสค.และธนาคารออมสินเห็นร่วมกันว่าครูที่เข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ขาดการชำระหนี้จะได้รับสิทธิพิเศษด้วยการปรับดอกเบี้ยชำระหนี้เหลือ 0% ในอัตราคงที่เป็นระยะเวลา 1 ปีด้วย
ทั้งนี้มาตรการต่างๆดังกล่าวได้รับการตอบรับจากครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นจำนวนมาก และ สกสค.ยังคงเดินหน้าหาแนวทางให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อไปอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของรัฐบาลและพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ด้านการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ครูสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระด้านการเงินเพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งความร่วมมือกับธนาคารออมสินนับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน และความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ