เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล (โอ๊ค) เจ้าของเพจ หมอโอ๊ค DoctorSixpack ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

น้ำอัดลมทุกวันเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิด 2 ถึง 26% และทำลายผิวฟัน น้ำตาลสูง 31-46 กรัมต่อกระป๋อง เร่งเสื่อมกระดูกและเพิ่มโอกาสเป็นโรคหัวใจจากการบริโภคน้ำตาลเกิน…..

หมอโอ๊ค DoctorSixpack

# ผลเสียของการดื่มน้ำอัดลมทุกวัน

การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำทุกวันส่งผลเสียต่อร่างกายในหลายด้าน ดังนี้:

## ผลกระทบต่อระบบเผาผลาญ

– เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2**: การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากและเป็นประจำทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินมากเกินไป นำไปสู่ภาวะดื้ออินซูลินและเพิ่มความเสี่ยงเบาหวานถึง 26%

– น้ำหนักเพิ่ม**: น้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องมีน้ำตาลประมาณ 35-40 กรัม (8-10 ช้อนชา) แต่ไม่ให้ความรู้สึกอิ่ม ทำให้ได้รับแคลอรีเกินโดยไม่รู้ตัว

– เมตาบอลิซึมผิดปกติ**: น้ำตาลฟรุกโตสในน้ำอัดลมถูกเผาผลาญที่ตับ เมื่อได้รับมากเกินไปจะเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมในตับและช่องท้อง

ผลกระทบต่อสุขภาพฟันและกระดูก

– ทำลายเคลือบฟัน**: กรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลม (pH ประมาณ 2.5-3.5) กัดกร่อนเคลือบฟันอย่างถาวร ทำให้ฟันผุง่ายและเสียวฟัน

– เร่งการสูญเสียมวลกระดูก**: ฟอสเฟตในน้ำอัดลมรบกวนสมดุลแคลเซียมและฟอสฟอรัส ทำให้ร่างกายดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ เพิ่มความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะในผู้หญิง

 ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

– เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ**: การบริโภคน้ำตาลสูงเป็นประจำสัมพันธ์กับการเพิ่มไขมันในเลือด ความดันโลหิตสูง และอักเสบเรื้อรัง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ

– เพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์**: น้ำตาลฟรุกโตสเพิ่มการสร้างไตรกลีเซอไรด์ในตับ ซึ่งเป็นไขมันที่เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ

 ผลกระทบต่อระบบไต

– เพิ่มความเสี่ยงนิ่วในไต**: กรดฟอสฟอริกเพิ่มการขับแคลเซียมทางปัสสาวะ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดนิ่วแคลเซียมออกซาเลตในไต

– ทำลายการทำงานของไต**: บริโภคเป็นประจำเพิ่มความเสี่ยงโรคไตเรื้อรัง เนื่องจากผลกระทบจากการเกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง

ผลกระทบต่อระบบประสาท

– รบกวนการนอนหลับ**: กาเฟอีนในน้ำอัดลมประเภทโคล่า รบกวนวงจรการนอน ทำให้นอนหลับยากและคุณภาพการนอนลดลง

– ผลต่อสมองและพฤติกรรม**: มีงานวิจัยพบความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคน้ำอัดลมเป็นประจำกับความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า และปัญหาพฤติกรรมในเด็ก

ผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร

– ระคายเคืองกระเพาะ**: แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และกรดในน้ำอัดลมทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด และอาจกระตุ้นอาการกรดไหลย้อนในผู้ที่มีภาวะนี้

– เปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ น้ำตาลปริมาณสูงเปลี่ยนสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและการย่อยอาหาร

การดื่มน้ำอัดลมทุกวันเป็นประจำ คือการสะสมความเสี่ยงทีละน้อย ผลกระทบอาจไม่เห็นชัดในระยะสั้น แต่ผลเสียระยะยาวนั้นมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับอย่างชัดเจน การลดหรือเลิกดื่มน้ำอัดลม จึงเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ