เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ก.พ. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานงานแถลงข่าว Thailand Summer Festivals 2025 ภายใต้แนวคิด “7 Months 7 Wonders Summer Festivals” ซึ่งจัดเทศกาลงานประเพณีใน 7 หมวดหมู่ ได้แก่ เทศกาลสงกรานต์, เทศกาล Pride, เทศกาลทางวัฒนธรรม, ดนตรี, กีฬา, อาหาร และเทศกาลเชิงศิลปะและความสร้างสรรค์ เพื่อปลุกความคึกคักให้ท่องเที่ยวไทย ลดช่องว่างโลว์ซีซั่น ให้ท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่องตลอด 7 เดือน ระหว่างเดือน มี.ค.-ก.ย. นี้
โดยมี นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
เมื่อมาถึง ขบวนแห่กลองยาวต้อนรับนายกฯ จากนั้นนายกฯ ถ่ายภาพร่วมกับรัฐมนตรีและผู้จัดงาน ก่อนสรงน้ำพระพุทธรูปศิลปะสมัยเชียงแสน ปางมารวิชัยสิงห์ 1 จากนั้นนายกฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน ก่อนชมวีดิทัศน์งานมหาสงกรานต์
จากนั้นนายกฯ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า การท่องเที่ยวอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แค่การท่องเที่ยวอย่างเดียว เป็นสัดส่วนประมาณ 14% ของจีดีพีประเทศ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ใหญ่มากๆ และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการท่องเที่ยวยังสามารถขยายตัวสามารถเพิ่มศักยภาพไปได้อีกไกล และสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมากเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต อย่างที่ตนเคยกล่าวหลายเวทีว่าเราอยากให้ประเทศไทย เที่ยวได้ทั้ง 12 เดือน ทุกจังหวัดมีความสำคัญ มีประเพณี มีความเชื่อ ซึ่งถือเป็นความพิเศษ โดยรัฐบาลพยายามจะนำเรื่องราวเหล่านั้น มาร้อยเรียงเพื่อให้ชาวต่างชาติเข้าใจและท่องเที่ยวให้ครบทุกภาค จึงอยากให้การท่องไม่ต้องมีโลว์ซีซั่น ไม่ต้องมีอัตราค่าห้องพัก (Room rate) ของโรงแรมที่ตกมากเกินไป เป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามผลักดัน ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำเสนอ 7 เดือน สามารถท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
นายกฯ กล่าวต่อว่า ดิฉันได้ไปตรวจราชการตามจังหวัดต่างๆ ที่ไม่เคยไปบางสถานที่ ไม่ใช่แค่คนไทยอยากไปเที่ยว ไม่ใช่แค่เมืองหลัก เมืองรองก็เช่นกันที่น่าเที่ยว มีอาหารเฉพาะถิ่นที่น่าลอง คนไทยมีเสน่ห์ และเมืองก็มีเสน่ห์ ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาของซัมเมอร์เฟสติวัล ( Summer Festivals) เป็นเทศกาลของฤดูร้อนเรา คือ เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่ทุกคนทั่วโลกรู้จัก ว่ามีกิจกรรมสาดน้ำ ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่ฮอตในหมู่ชาวต่างชาติ เราจะเพิ่มรายได้ตรงนี้จากปกติแล้วเดือน เม.ย. เทศกาลสงกรานต์อย่างเดียวปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 1.5 ล้านคน เพิ่มจากปี 2566 ถึง 40% ในช่วงของเทศกาลสงกรานต์ เพราะฉะนั้น ถ้าเราโปรโมตอย่างเต็มรูปแบบ ทำการประชาสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบ และสร้างกิจกรรมเพิ่มเติม เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าปีนี้ตัวเลขงานสงกรานต์ของเราต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และเพราะเพิ่งต้นปี เมื่อตัวเลขเพิ่มขึ้นแบบนี้ เป็นกำลังสำคัญในการที่จะทำให้จีดีพีของเราขยับเพิ่มขึ้นด้วยเศรษฐกิจถูกกระตุ้น รายได้หมุนเวียนกลับเข้ามาในประเทศ
นายกฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น ว่าเราจะทำให้กิจกรรมมีความน่าสนใจและความปลอดภัยจะต้องมากขึ้นเพิ่ม ซึ่งเราจะต้องเพิ่มความพิเศษ ความเซอร์ไพร้ส์และความปลอดภัยในทุกกิจกรรม อย่างที่ทราบ ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เรามีนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 38-39 ล้านคน วันนี้ตัวเลขกลับที่ 36 ล้านคนแล้ว ภายในปีนี้หรือปีหน้า เราจะพยายามดันตัวเลขกลับไปให้ได้ก่อนโควิด-19 เพราะฉะนั้นทั้งประเทศมีความหวัง
“เราทราบดีอยู่แล้วว่าคนไทย คือ ซอฟต์พาวเวอร์ที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย การที่ชาวต่างชาติกลับมาเรื่อยๆ แล้วคนไทยมีความน่ารัก มีความมีไมตรี มีน้ำใจ ชาวต่างชาติเข้ามาพูดภาษาไทยไม่ได้ยังช่วยเหลือ ทำให้เขามีความสุขเมื่ออยู่ประเทศไทย รัฐบาลจะทำหน้าที่ในส่วนของรัฐบาลและภาคเอกชนอย่างเต็มที่ ก็ขอให้ประชาชนทุกท่านเป็นเจ้าบ้านที่น่าประทับใจ เหมือนที่เคยเป็นมา ให้ปีนี้เมื่อชาวต่างชาติเข้ามา ก็จะประทับใจทั้งตัวของคนไทยเอง และประเทศไทยด้วยพัฒนาประเทศไปพร้อมกัน ช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกัน มั่นใจว่าสงกรานต์ปีนี้ ต้องไม่เหมือนทุกปี ต้องพิเศษกว่าทุกปีแน่นอน” นายกฯ กล่าว.