เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.วินิจ สิมะลิ รองสว.สอบสวน สภ.มะขาม ได้รับแจ้งมีใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายกัน ภายในวัดทุ่งเพล ต.ฉมัน อ.มะขาม ซึ่งมีการจัดงานศพอยู่ ทำให้มีชายผู้เคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ถูกอาวุธปืนไม่ทราบชนิด ยิงเข้าที่ก้นทะลุต้นขาและที่ข้อเท้า ขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดภายในศาลาวัดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้อย่างชัดเจน หลังเกิดเหตุตำรวจสืบสวนและตำรวจสายตรวจตู้ยามจับกุมมือปืนที่ก่อเหตุไว้ได้ หลังญาติและแขกในงานช่วยกันล็อกตัวไว้ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพักทันที
วันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ภายในบริเวณศาลาบำเพ็ญกุศลพบร่องรอยกระสุนถูกยิงลงบนพื้น 4 แห่ง และลอยกองเลือดยังอยู่บริเวณพื้นปูน นอกจากนี้ยังพบที่บริเวณขาเก้าอี้ยังมีรอยกระสุนทะลุเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่
จากการสอบสวนของตำรวจทราบชื่อมือปืนที่ก่อเหตุคือ นายเอกรินทร์ และตำรวจยังได้ควบคุมตัวเพื่อนอีกคนที่เป็นผู้ขับรถมาส่งผู้ก่อเหตุทราบชื่อต่อมาคือ นายสมชาย พร้อมกันนี้ได้ตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้นลูกโม่ขนาด.38 ที่ใช้ในการก่อเหตุ ในรังเพลิงพบปลอกกระสุนค้างอยู่ 5 ปลอก และยังพบหัวกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 2 หัว ตรวจค้นภายในรถซึ่งเป็นพาหนะที่ผู้ก่อเหตุขับมายังพบเครื่องกระสุนอีก 4 นัด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นทางตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันมีอาวุธและเครื่องกระสุน ร่วมกันพกพาอาวุธปืนในหมู่บ้านที่ทางสาธารณะ ร่วมกันยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร” ล่าสุดผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวและถูกปล่อยตัวไปเป็นการชั่วคราว
ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ นายไพบูลย์ ญาติที่มาช่วยงานศพและยังมีศักดิ์เป็นอาของมือปืน ซึ่งเป็นผู้เข้าไปห้ามและช่วยล็อกตัวจนถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ยังนอนพักรักษาบาดแผลอยู่ที่โรงพยาบาลมะขาม ตอนนี้อาการปลอดภัย
ด้านญาติที่มาช่วยงานศพที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า ปมประเด็นน่าจะมาจากเรื่องที่นายเอกรินทร์ อยู่ในอาการมึนเมา และนายสมชาย เพื่อนอีกคนเข้ามาในงาน จากนั้นได้เข้าไปหาเรื่องใช้มือตบศีรษะคนแก่ที่นั่งอยู่ในงานและชาวบ้านอีกคน ซึ่งตนและญาติเจ้าภาพเข้าไปตักเตือนห้ามปราม และมีการผลักอกกันจนทำให้นายเอกรินทร์มีอารมณ์โมโหและพากันเดินออกไปขึ้นรถก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์เบิ้ลส่งเสียงดังป่วนงาน จนมีคนเข้าไปเตือน ทำให้ทั้งสองคนขับออกไป

หลังทิ้งเวลาไม่นานทั้งสองคนได้ขับรถกลับเข้ามาอีก โดยนายเอกรินทร์ได้เดินลงมาจากรถและเข้าไปยกมือไหว้ขอโทษเจ้าภาพและคนในงาน ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปที่รถ ซึ่งทุกคนคิดว่าตอนนั้นจะจบเรื่อง แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด นายเอกรินทร์กลับเดินลงจากรถเข้ามาในงาน พร้อมกับยกปืนรัวยิงใส่ไปในกล่มญาติและแขกที่นั่งคุยกันอยู่ 2 นัด โชคดีที่กระสุนไม่โดนใคร ขณะที่แขกในงานพากันแตกกระเจิงวิ่งหนีตาย
ส่วนนายไพบูลย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของมือปืนและอยู่ใกล้ได้กระโดดเข้าล็อกตัวพร้อมกับญาติและแขกในงานจนทำให้ปืนลั่นลงพื้นอีก 3 นัด และคมกระสุนไปถูกนายไพบูลย์จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่นายเอกรินทร์จะถูกรุมล็อกตัวไว้ได้และแจ้งเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัวไปพร้อมกับเพื่อน
ด้านเจ้าภาพงานศพ บอกว่า รู้สึกกังวลใจและไม่ปลอดภัย หลังทราบว่าทั้งสองคนได้รับการประกันตัว กลัวว่าจะกลับมาก่อนเหตุซ้ำเนื่องจากงานศพยังไม่แล้วเสร็จ จึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ดูแลคดีนี้อย่างจริงจังเกรงว่าญาติและแขกในงานจะไม่ได้รับความปลอดภัยตลอดจนชาวบ้าน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่อุกอาจ ซึ่งมีทั้งเด็กตลอดจนญาติและแขกที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้มีการดำเนินคดีเอาผิดถึงที่สุด