เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ ห้องประชุม 10-01 ชั้น 10 กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นัดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะกำกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เป็นประธานกรรมการ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธานกรรมการ และกรรมการโดยตำแหน่งอีก 10 คน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงยุติธรรม อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายกสภาทนายความ
เปิดชื่อบอร์ด ‘ดีเอสไอ’ หนุนรับ ‘ฮั้ว สว.’ เป็นคดีพิเศษหรือไม่ บ่าย 25 ก.พ.นี้
รวมถึงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ อีก 9 คน ได้แก่ ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการเงินการธนาคาร ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านกฎหมาย ด้านการสอบสวนคดีอาญา ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรรมการและเลขานุการ ร่วมกันพิจารณาเรื่องเสนอของคณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อมีมติในที่ประชุมรับดำเนินการไว้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งการประชุมมี 2 วาระสำคัญที่จะมีการเสนอขอมติรับเป็นคดีพิเศษ คือ เรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณี การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา ส่วนอีกวาระ คือ เรื่องสืบสวนที่ 9/2568 กรณี การทุจริตสวมสิทธิยางพาราไทย กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและความมั่นคงของเกษตรกรไทย

โดยเวลา 13.40 น. ช่วงแรกของการประชุม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง หากมีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ให้เห็นว่ามีปัญหา เราก็จะนำเข้าสู่กระบวนการรับเป็นคดีพิเศษเพื่อดำเนินการต่อไป หากไม่ใช่ ไม่ชัดก็จะพิจารณาไปตามเนื้อผ้า ยืนยันว่าตนไม่มีปัญหาหรือข้อขัดข้อง แต่เรื่องนี้มีผลกระทบต่อสถาบันหลักของประเทศจึงน่าเป็นห่วง และในทางปฏิบัติหากชัดเจนว่าไม่มีอะไรก็ต้องว่าไปตามนั้น ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ความรู้สึกมาเป็นตัวกำหนด หรือตัวตัดสิน พิจารณาไปตามเนื้อผ้า เพราะต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยเหตุผลที่ยอมให้บรรจุเป็นวาระในการพิจารณาครั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องที่มีพยานหลักฐาน จึงต้องแสดงให้ทุกคนที่เป็นกรรมการได้รู้ หากเห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดก็จะพิจารณาไปตามความเหมาะสม
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ดังนั้น การประชุมในวันนี้จึงขอเปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูดเต็มที่ และออกความเห็นให้เต็มที่ เพื่อให้ที่ประชุมเห็นความชัดเจนและดำเนินการต่อไป เชื่อมั่นในเกียรติยศและศักดิ์ศรีของกรรมการทุกคน อยากให้พิจารณาในกระบวนการที่เที่ยงธรรมและถูกต้องตามหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยจะขอให้นำวาระคดีการเลือก สว. มาพิจารณาเป็นวาระแรก

ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ แจ้งว่ามีกรรมการมาประชุมทั้งหมด 19 คน จาก 22 คน โดยขาดกรรมการโดยตำแหน่ง 1 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่าในการประชุมดังกล่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมประชุม แต่ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม เป็นผู้แทน แต่ปรากฏว่า พล.ต.ท.สมประสงค์ ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมด้วยเหมือนกัน จึงทำให้ขาดกรรมการโดยตำแหน่ง
ขณะที่ในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อย่าง พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ก็ขาดการประชุม โดยให้เหตุผลว่า มีอาการเจ็บป่วยต้องเข้าแอดมิตโรงพยาบาลและติดภารกิจ ซึ่งรายงานระบุว่าตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเฉพาะด้านไม่ควรขาดการประชุม เป็นเหตุให้ในวันนี้บอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จากเดิมที่จะต้องเข้าประชุมทั้งหมด 22 ราย เหลือเพียง 19 ราย