นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เปิดเผยว่า สดช. ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 (พ.ร.บ.ดีอี) ภายใต้โครงการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สดช. ซึ่งขณะนี้ ครบรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ประเมินผล หลังมีผลบังคับใช้อย่างน้อย 5 ปี การรับฟังความเห็นครั้งนี้เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบสนองความต้องการของภาครัฐและเอกชน และสร้างประโยชน์แก่ประชาชนในการเข้าถึงนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย
“ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พ.ร.บ.ดีอี จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความท้าทายทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ บล็อกเชน เทคโนโลยีควอนตัม และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง หรือ ไอโอที ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืนและครอบคลุมสำหรับทุกคน โดยปัจจุบันยังไม่พบปัญหาสำคัญในการบังคับใช้กฎหมาย จึงถือว่า พ.ร.บ.ดีอี บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับหนึ่ง”

นายเวทางค์ กล่าวว่า พ.ร.บ.ดีอี มุ่งลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ส่งเสริมความรู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศ และพัฒนาคลังข้อมูลดิจิทัล ซึ่งมาตรา 5 และมาตรา 6 กำหนดให้คณะรัฐมนตรีจัดทำนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามข้อเสนอของบอร์ดดีอี และให้หน่วยงานรัฐทุกแห่งดำเนินการให้สอดคล้องกัน เพื่อให้การพัฒนาดิจิทัลเป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพทั่วประเทศ โดยหลังฟังความคิดเห็นแล้วจะเก็บรวบรวมข้อมูลคาดว่าแล้วเสร็จประมาณเดือน มิ.ย. 68 นี้ เพื่อนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้ไปปรับปรุงและพัฒนาพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
นอกจากการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในครั้งนี้แล้ว สดช. ยังได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลในรูปแบบของแบบสอบถามออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย (www.law.go.th)