เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 25 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้มีข้อสรุปถึงการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีการรายงานเรื่องการซีล (ปิด) พื้นที่ชายแดน 14 จังหวัด โดยมีผู้ถูกจับกุมจำนวนมาก และได้รับความร่วมมือจากจีนและเมียนมาเป็นอย่างดี โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รายงานการการรื้อถอนเสาสัญญาณบริเวณชายแดน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจัดการอย่างจริงจัง ทั้งในส่วนของประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน เมียนมา กัมพูชา เราทำอย่างจริงจัง โดยในวันที่ 28 ก.พ. ตนจะลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ไปดูพื้นที่ด้วยตัวเอง เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้หมดไปจากประเทศไทยโดยเร็ว เพราะเราพูดกันว่าเรื่องนี้ไม่จบไม่เลิก ต้องทำอย่างจริงจัง ตอนนี้ต่างประเทศร่วมมืออย่างดี เราพูดได้อย่างเต็มปากว่า ไทยจัดการอย่างจริงจังและอาจเป็นประโยชน์ต่อประเทศเพื่อนบ้านด้วย
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าไม่จบไม่เลิก แต่เหมือนเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เครือข่ายเยอะไปทุกประเทศ เราแค่พูดฝั่งของเรา แต่ทุกประเทศทั่วโลก โดนเรื่องคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์เยอะมาก เราต้องให้ความสำคัญที่ประเทศเราและเพื่อนบ้านก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่ทราบว่าเริ่มจากตรงไหน ตอนนี้ได้ความร่วมมือจากประเทศที่ได้พูดคุยดีมากๆ
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม. นายกฯ มีข้อสั่งการเตรียมลงพื้นที่ด่านพรมแดน ตำบลคลองลึก ใกล้ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ของประเทศกัมพูชา ในวันที่ 28 ก.พ. นี้ เพื่อติดตามปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลจะทำต่อเนื่องแบบ “ไม่จบ ไม่เลิก” จัดการเด็ดขาด
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รายงานว่าชายแดนฝั่งตะวันตกที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ได้ดำเนินการในส่วนของข้าราชการที่เกี่ยวข้อง โดยได้ลงโทษด้วยการโยกย้าย และตั้งกรรมการสอบเพื่อเอาผิดไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ขณะเดียวกัน ฝ่ายสืบสวนคณะทำงานได้ติดตามตรวจสอบขยายผลว่ามีข้าราชการคนใดไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกบ้าง ซึ่งพบว่ายังมีอีกไม่น้อย ขณะนี้กำลังรวบรวมเพื่อดำเนินการออกคำสั่งและลงโทษต่อไป
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รายงานว่าขณะนี้ได้ดำเนินการในส่วนของการตัดสัญญาณสื่อสารที่ผิดกฎหมายในทุกแนวชายแดนที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว และยังได้สั่งการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งของรัฐและเอกชนร่วมกันตรวจสอบ พร้อมทั้งลดความสูงของเสาส่งสัญญาณลง และหันสายอากาศกลับเข้ามาในประเทศไทย นอกจากนี้ยังจัดรถสายตรวจ เพื่อสแกนความถี่โทรศัพท์มือถือที่ใช้ หากเป็นสัญญาณต่างประเทศเข้ามาในประเทศประเทศไทย ก็จะบล็อกสัญญาณทันที.