คริสตีนา เมอร์เรย์ เข้ารับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก และตัดสินใจเลือกวิธีการทำ “เด็กหลอดแก้ว” (IVF) ที่คลินิก Coastal Fertility เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 และสามารถตั้งครรภ์ได้ในที่สุด ทำให้เธอมีความสุขมาก
แต่แล้ว เมื่อเธอให้กำเนิดบุตรในเดือนธันวาคมของปีเดียวกันนั้น เมอร์เรย์ ก็ต้องพบกับฝันร้าย เพราะเธอซึ่งเป็นหญิงผิวขาวและเลือกผู้บริจาคอสุจิเพื่อผสมเทียมจากชายผิวขาว แต่ลูกชายที่เธอคลอดออกมากลับเป็นเด็กผิวดำ
หลังจากคลอด เมอร์เรย์ไม่ยอมให้ครอบครัวและเพื่อนๆ ของเธอได้เห็นหน้าทารก จนกระทั่งในเดือนมกราคมปี 2567 เธอก็ได้รับผลจากการทดสอบและเปรียบเทียบดีเอ็นเอที่ระบุว่า เธอกับทารกน้อย ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางพันธุกรรมแม้แต่นิดเดียว

เมอร์เรย์แจ้งไปยังคลินิกที่ทำการผสมเทียมให้เธอว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูลูกคนนี้ต่อไป จนกระทั่งพ่อแม่ที่แท้จริงของเด็กยื่นคำร้องขอสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร
“การอุ้มท้องลูก ตกหลุมรักลูก คลอดลูกคนนี้ และสร้างสายสัมพันธ์พิเศษระหว่างแม่กับลูก ซึ่งทั้งหมดนี้ กลับต้องแลกด้วยการที่ลูกถูกพรากไปจากแม่ ฉันคงไม่มีวันทำใจกับเรื่องนี้ได้อย่างเต็มร้อย” คริสตีนา เมอร์เรย์ กล่าวอย่างหัวใจสลายในแถลงการณ์ของเธอ
เมอร์เรย์ยอมสละสิทธิในการดูแลลูกที่เธอคลอดออกมาสมัครใจโดย หลังจากที่ทีมกฎหมายบอกว่า เธอไม่มีทางชนะคดีที่พ่อแม่ที่แท้จริงของเด็กยื่นขอรับสิทธิการเลี้ยงดูได้ ตอนนี้เด็กชายถูกส่งตัวคืนไปยังพ่อแม่ของเขาในรัฐอื่นและเปลี่ยนชื่อไปแล้ว
“ฉันเคยมีความสุข ฉันได้เป็นแม่ เขางดงามและสมบูรณ์แบบ แต่ก็ชัดเจนมากว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง” เมอร์เรย์กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีที่เธอฟ้องคลินิก Coastal Fertility “ลูกของฉันไม่ใช่ลูกของฉันทางสายเลือด เขาไม่ได้สืบสายเลือดของฉัน เขาไม่มีดวงตาเหมือนฉัน แต่เขาเป็นและจะเป็นลูกชายของฉันตลอดไป”
ระหว่างแถลงการณ์ฟ้องร้องคลินิกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทนายความของเมอร์เรย์เน้นย้ำถึงความตื่นตกใจที่เธอประสบเมื่อเห็นหน้าลูกในครั้งแรก เพราะตัวเธอเป็นหญิงผิวขาวและเลือกผู้บริจาคอสุจิที่เป็นคนผิวขาวเช่นกัน แต่ทารกที่เธอคลอด กลับมีสีผิวแบบคนแอฟริกัน-อเมริกัน อย่างชัดเจน
ด้านคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากที่เป็นต้นเหตุ ในตอนนี้ทำเพียงแค่ออกมายอมรับว่าเกิดข้อผิดพลาด แต่อ้างว่าเป็น “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับกรณีอื่น และไม่มีผู้ป่วยอื่นได้รับผลกระทบเพิ่มเติม” พร้อมกับเสริมว่า ทางคลินิกได้ดำเนินการป้องกันเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้นอีก
ที่มา : odditycentral.com