รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้รับข้อสังเกตของทั้ง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง (กค.) และสำนักงบประมาณ (สงป.) เกี่ยวกับโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) 1,520 คัน ระยะเวลาเช่า 7 ปี วงเงิน 15,355.60 ล้านบาท ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แล้ว โดยทุกหน่วยงานเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่มีข้อสังเกตในหลายประเด็น โดยเฉพาะปัญหาสำคัญของ ขสมก. ที่ต้องเร่งจัดทำแผนขับเคลื่อนภายใต้แผนฟื้นฟู ขสมก. (BMTA Moving Plan) และสางปัญหาหนี้สินที่มีอยู่ประมาณ 1.4 แสนล้านบาทให้หมด เพื่อให้สามารถองค์กรเลี้ยงตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาจากภาครัฐ

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า เบื้องต้นกระทรวงคมนาคม ตั้งเป้าหมายว่า ขสมก. จะสามารถแก้ปัญหา และสะสางหนี้สินทั้งหมดให้ได้ภายใน 7 ปี ซึ่งปัจจุบัน ขสมก. อยู่ระหว่างเร่งจัดทำแผนขับเคลื่อนฯ โดยจะเน้นการลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร โดยเรื่องการเช่ารถโดยสาร EV ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญ ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้กับ ขสมก. ได้ ซึ่งการใช้วิธีเช่ารถ จะช่วยทำให้ ขสมก. ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 70% โดยเฉพาะค่าบำรุงรักษารถที่เดิม ขสมก. มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จำนวนมาก นอกจากนี้รถเมล์ใหม่จะทำให้ ขสมก. บริหารจัดการเดินรถได้คล่องตัวมากขึ้น

ผู้โดยสารได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทางยิ่งขึ้น ลดพลังงานเชื้อเพลิง 3 เท่า เหลือ 600 ล้านบาท ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้อีกปีละ 2,500-3,000 ล้านบาท อาทิ ใช้ระบบเก็บค่าโดยสารแบบอีทิกเก็ต แทนพนักงานโยกย้ายไปทำหน้าที่อื่นๆ และชะลอการรับพนักงานใหม่ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในวันที่ 26 ก.พ. 68 ขสมก. จะนำโครงการเช่ารถฯ เสนอคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ขสมก. เพื่อรับทราบ และคาดว่าจะสามารถเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ประมาณต้นเดือน มี.ค. 68 หากเห็นชอบคาดว่าจะสามารถเปิดประกวดราคา และลงนามสัญญากับผู้ชนะการประมูลได้ประมาณเดือน เม.ย. 68 โดยคาดว่าจะได้รับรถลอตแรก 500 คัน และเริ่มให้บริการประมาณเดือน ส.ค. 68

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับรถโดยสารประจำทาง EV 1,520 คัน วงเงิน 15,355.60 ล้านบาท ใช้งบประมาณปี 2568-2575 แบ่งการส่งมอบเป็น 3 ลอต ลอตละประมาณ 500 คัน โดยจะทยอยรับมอบจนครบทั้งหมดภายในปี 2569 ส่วนการจัดหารถเมล์ในระยะที่ 2 จะดำเนินการในรูปแบบเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) อีกประมาณ 1,520 คัน โดยคาดว่าจะศึกษารูปแบบการลงทุนแล้วเสร็จภายในปีนี้.