กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นัดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2568 วันที่ 25 ก.พ. เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 10 กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะกำกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เป็นประธานกรรมการ ซึ่งการประชุมมี 2 วาระสำคัญที่จะมีการเสนอขอมติรับเป็นคดีพิเศษ คือ เรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณี การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา ส่วนอีกวาระ คือ เรื่องสืบสวนที่ 9/2568 กรณี การทุจริตสวมสิทธิยางพาราไทย กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและความมั่นคงของเกษตรกรไทย ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
‘ภูมิธรรม’ ประชุมกคพ.25ก.พ. ถกคดีฮั้วเลือกสว. ยันไร้เกมการเมือง
จับตา DSI พิจารณารับคดีพิเศษ 2 วาระใหญ่ ‘โพยฮั้วสว.-สวมสิทธิยางพาราไทย’
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ”เดลินิวส์ออนไลน์“ ตรวจสอบรายชื่อคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)-Board of Special Case ซึ่งจะมีการประชุมครั้งที่ 2/2568 ในเวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 10-01 ชั้น 10 กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะกำกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เป็นประธานกรรมการ ส่วนคณะกรรมการ ประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธานกรรมการ ส่วนกรรมการโดยตำแหน่ง ประกอบด้วย นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม (หรือผู้แทนซึ่งปลัดกระทรวงยุติธรรมมอบหมาย) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง (หรือผู้แทนซึ่งปลัดกระทรวงการคลังมอบหมาย) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (หรือผู้แทนซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย) นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (หรือผู้แทนซึ่งปลัดกระทรวงพาณิชย์มอบหมาย) นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด (หรือผู้แทนซึ่งอัยการสูงสุดมอบหมาย)
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (หรือผู้แทนซึ่ง ผบ.ตร.มอบหมาย) นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (หรือผู้แทนซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกามอบหมาย) พล.อ.พิสิษฐ์ นพเมือง เจ้ากรมพระธรรมนูญ (หรือผู้แทนซึ่งเจ้ากรมพระธรรมนูญมอบหมาย) นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (หรือผู้แทนซึ่งผู้ว่า ธปท.มอบหมาย) นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ (หรือผู้แทนซึ่งนายกสภาทนายความมอบหมาย) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีก 9 ราย ร่วมเป็นคณะกรรมการ
ประกอบด้วย นายเพ็ชร ชินบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร นางดวงตา ต้นโช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย นางทัชมัย ฤกษะสุต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ

สำหรับการประชุมของบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ทั้ง 22 ราย เพื่อมีมติเห็นชอบรับคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) หรือเป็นคดีความผิดทางอาญาอื่น คณะกรรมการคดีพิเศษต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 หรือ 15 เสียง หรือกึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ กำหนดให้เป็นคดีพิเศษ โดยมีรายงานว่า นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการโดยตำแหน่ง ได้มอบหมายให้นายโกมล พรมเพ็ง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้แทนเข้าประชุม ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีการแต่งตั้ง ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ การที่กฎหมายได้กำหนดให้มีคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) ก็ด้วยความจำเป็นที่ว่า คดีความผิดทางอาญาในบางเรื่องหรือบางฐานความผิดอาจไม่ได้กำหนดให้เป็นคดีพิเศษไว้ในประเภทที่ 1 แต่โดยเหตุผลความจำเป็นเฉพาะรายอาจเป็นเรื่องที่รุนแรงก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมหรือมีความยุ่งยากซับซ้อนในการสืบสวนสอบสวน หรือเหตุจำเป็นอันเหมาะสมอื่น จึงได้กำหนดให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการจำนวน 22 คน
โดยมีที่มาจาก 3 ฝ่าย คือ 1.ฝ่ายการเมือง จำนวน 2 คน ได้แก่ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นรองประธานกรรมการ 2.ฝ่ายข้าราชการประจำหรือกรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน 11 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เจ้ากรมพระธรรมนูญ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายกสภาทนายความ และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ 3.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวน 9 คน ในการที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้คดีความผิดทางอาญาบางเรื่องหรือบางฐานความผิดนั้น ๆ เป็นคดีพิเศษขึ้น ซึ่งจะต้องดำเนินการนำมติของคณะกรรมการคดีพิเศษในเรื่องดังกล่าวนี้ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา.