วันที่ 24 ก.พ. 68 นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความระบุว่า

“ว่าด้วยเรื่อง ประกันสังคม ให้ทำฟัน 900฿ ?

เรื่องเล็ก ๆ ที่ลึก ๆ สะท้อนให้เห็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประกันสังคม

หนึ่งในเรื่องที่ติดใจผู้ประกันตนมากที่สุดเรื่องนึง คือ ทำฟันได้แค่ 900฿ ผปกต.(ผู้ประกันตน) หลายคนคงรู้สึกว่าไม่แฟร์ แต่ก็ต้องทนเพราะทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเคาะ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้สิทธิ์เพิ่ม วันนี้ไอซ์จะมาแจกแจงให้ฟัง

มาตรา  54 วรรค 1 พ.ร.บ.ประกันสังคม เขียนว่าให้ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ได้รับ ‘ประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย รวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค’ ถ้าแปลตรงตัวตาม พ.ร.บ.นี้เลย ก็หมายถึงให้รักษาอาการเจ็บป่วย แล้วโรคในช่องปากไม่นับเป็นความเจ็บป่วยเหรอ? ถ้าตอบตามหลักการแล้วต้องก็คือ ต้องนับรวมด้วยถูกไหม

ถ้าเทียบสิทธิ์ของกองทุนประกันสังคม กับ กองทุน สปสช.(บัตรทอง) สปสช.ให้สิทธิ์ในการรักษาช่องปากไว้เยอะกว่ามาก โดย สปสช. จะมีรายการระบุชัดเจน และหลังบ้านมีบัญชีราคากลางในแต่ละรายการ ทำให้การคิดเงินมีหลังพิง แต่ประกันสังคมที่ผ่านมาไม่มีระบุรายการ ไม่มีราคากลาง บอกแค่ทำอะไรกับปากชั้นก็จ่ายให้เธอ 900฿

ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว 900฿ ควรเป็นค่าเสริมสร้างปกป้องดูแลเพื่อบรรเทาโรค แต่หากเป็น ‘ความเจ็บป่วย’ ที่เกี่ยวกับฟันหรือภายในช่องปาก ควรจะรักษาและเบิกได้ที่โรงพยาบาลที่ลงทะเบียนสิทธิ์ไว้แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น

2 ก.พ. 67  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เคยชี้ประเด็นว่า ประกันสังคมจำกัดวงเงินค่าบริการทันตกรรมเช่นนี้ ส่งผลให้ผู้ประกันตนเข้าไม่ถึงสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยมีการเสนอให้เร่งแก้ไข อย่างน้อยต้องเทียบเท่ากับบัตรทอง แต่บอร์ดแพทย์ก็เฉยมาตลอด

อย่างที่ได้เคยเปิดเผยให้ทุกคนได้รับทราบ คนที่เคาะว่า ผปกต. สามารถรับสิทธิ์รักษาอะไรได้บ้าง รักษาได้เท่าไหร่ คือ ‘บอร์ดแพทย์’ โดยทั้งหมดมาจากการแต่งตั้งของรัฐมนตรี 100% ซึ่งบอร์ดแพทย์ชุดปัจจุบัน คือคนเคาะสิทธิ์ทั้งที่ ผปกต. ใช้กันอยู่นี้แหละ บอร์ดแพทย์ชุดนี้ถูกแต่งตั้งในสมัยรัฐมนตรี ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ และกำลังจะหมดวาระลงสิ้นเดือนนี้

ถามว่าทำไมที่ผ่านมาถึงไม่อนุมัติสิทธิ์ให้รักษาฟันได้มากกว่านี้ ไอซ์มีข้อสังเกต 3 ข้อ คือ

1) ถ้าเพิ่มสิทธิ์รักษาฟันให้มากกว่า 900฿ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมแล้วจะอยู่ประมาณหลักพันล้านบาท แน่นอนว่าเป็นตัวเลขที่ไม่สูง (แต่ประเทศเราก็จ่ายกับอะไรไร้สาระไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่)

2) แต่เงินจำนวนนี้ ไม่ใช่กองทุนประกันสังคมที่จะต้องควักจ่ายเองทั้งหมด เพราะค่ารักษาพยาบาลที่กองทุนจ่ายให้ รพ. มันเหมาเป็นรายหัวอยู่แล้ว นั่นแปลว่ากองทุนอาจจะไม่ต้องจ่ายเพิ่มเลย แต่เงินจำนวนนี้ มันคือกำไรที่ลดลงของโรงพยาบาลที่รับสิทธิ์ประกันสังคมถัวๆกันไป

3) จากงานวิจัยของสำนักงานประกันสังคมเอง ชี้ให้เห็นว่าหากปรับเพิ่มเพดานเงินค่ารักษา แต่ไม่กำหนดเพดานราคาทำฟันระหว่างคลินิกคู่สัญญา จะทำให้คลินิกต่างๆ ปรับขึ้นราคาไปตามเพดานสิทธิ์ พูดง่ายๆ ให้สิทธิ์จาก 900฿ เป็น 1200฿ คลินิกก็ขึ้นราคาจาก 900฿ ไป 1200฿ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปช่วยทำให้ ผปกต. ได้รับบริการเพิ่มขึ้น แต่คลินิกจะถือโอกาสขึ้นราคาตาม ดังนั้นประกันสังคมต้องมีจัดทำบัญชีต้นทุนค่ารักษาและกำหนดเพดานค่ารักษาโรคในช่องปากไม่ให้เอกชนขึ้นราคาตามการขึ้นเงินทำฟัน

ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมไม่เพิ่มสิทธิ์ให้ ผปกต. เพราะกลัว รพ. กำไรน้อยลง แต่กังวลแทนก็ไม่ผิดนะ เพราะถ้า รพ. กำไรน้อยลงมากเกินไปเค้าอาจจะไม่อยากรับสิทธิ์ประกันสังคมก็ได้ แต่ แต่ แต่ ทุกคนรู้อะไรไหม ทุกวันนี้ รพ. เอกชนบางแห่ง ถึงกับซื้อโรงพยาบาลเล็กๆ เพิ่ม เพื่อเอาไว้รับประกันสังคมอย่างเดียว แถมบางทีเสนอเป็นโมเดลธุรกิจเลยว่าจะทำกำไรต่อหัวจากประกันสังคมเพิ่มอีก และเป็นที่รู้กันดีใน รพ.เอกชน ว่าสามารถทำกำไรจากประกันสังคมได้มากกว่า สปสช. นี่แหละคือความจริงที่ไม่เคยมีใครอธิบายให้ ผปกต. ฟัง.

สรุป

ปัจจุบันรักษาได้ 900฿ จริงๆ ทั้งๆ ที่ควรจะมากกว่านั้น วิธีทางแก้ ทำได้หลักๆ คือ แก้แบบแก้เล็ก กับการแก้แบบแก้ใหญ่

1) การแก้เล็ก : บอร์ดแพทย์ชุดปัจจุบัน ไหนๆจะหมดวาระสิ้นเดือนนี้แล้ว ท่านสามารถทิ้งทวนโดยให้ผู้ประกันตนสรรเสริญท่านไปตลอดกาล ด้วยการออกประกาศฉบับนึง เพื่อปลดล็อกการรักษาโรคในช่องปากโดยต้องจัดทำบัญชีต้นทุนค่ารักษาและกำหนดเพดานค่ารักษาโรคในช่องปากไม่ให้เอกชนขึ้นราคาตามการขึ้นเงินทำฟัน ถ้ากลัวว่างบจะบาน เอกชนกำไรน้อยลงแล้วจะกระทบ ไม่ต้องให้ทำทุกอย่างก็ได้ แต่ต้องมีรายการเพิ่มเติมในวงเงินที่เหมาะสม หรืออาจใช้แนวทางของ สปสช. ที่มีการระบุรายการสิทธิ์การรักษา และมีราคากลางเป็นเพดานเบิกสำหรับบางโรค เพื่อไม่ให้โรงพยาบาลมาโขกราคาเอากับกองทุนมากจนเกินไป รวมถึงพิจารณาเรื่องการรับยาใกล้บ้านและสิทธิ์รักษาอื่นๆ ที่ ผปกต. ได้ด้อยกว่าสิทธิ์บัตรทอง

2) การแก้ใหญ่ : คือการยกร่างแก้ พ.ร.บ.ประกันสังคม เพื่อยกระดับสิทธิ์การรักษาของประกันสังคมให้ไม่ต่ำไปกว่าสิทธิ์บัตรทอง ให้ประชาชนทุกคนเสนอหน้าเท่าเทียมกัน แล้วกองทุนประกันสังคม โฟกัสแค่สิทธิ์ที่เหลือกับเรื่องการทำกำไรในการลงทุนให้ได้เยอะๆ เพื่อให้กองทุนยั่งยืนต่อไป

แล้วทำไมที่ผ่านมาไม่มีใครทำอะ?

1) แก้เล็ก : ไม่ทำเพราะที่ผ่านมาคนในบอร์ดแพทย์ อาจจะกังวลเรื่องกำไรของ รพ. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รพ.เอกชน มากกว่าเป็นห่วงว่า ผปกต. จะได้รับสิทธิ์ที่เหลื่อมล้ำ

2) แก้ใหญ่ : เพราะ ‘สปสช’ อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข และ ‘ประกันสังคม’ อยู่ในกระทรวงแรงงาน ไม่มีรัฐบาลไหนหรือเจ้ากระทรวงไหนที่อยากยกหม้อข้าวตัวเองให้คนอื่น และฝ่ายการเมืองที่ผ่านมา ก็เห็นกองประกันสังคมเป็นบุพเฟ่ต์แดกไม่อั้น เวียนกันมากินแล้วก็จากไป ดังนั้นไม่มีใครคิดเรื่องรวมสิทธิ์หรอก

บอร์ดแพทย์ชุดนี้ใกล้ลากันแล้ว อยากฝากอะไรดีดีไว้ ผปกต.หน่อยไหมฮะ”