เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพหลโยธิน นายณฐพร โตประยูร อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย ดร.วิเชียร รุจิธำรงกุล, นายสุรชัย ชินชัย ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร สว. และคณะ เดินทางมาเข้ายื่นหนังสือ เรื่อง คดีฮั้วการเลือกตั้ง สว. โดยมีนายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ในฐานะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อขอให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษเป็นผู้รับ

นายวิเชียร กล่าวว่า วันนี้มีกลุ่มผู้ร้องมายื่นหนังสือขอทนายความตรวจสอบการเลือกตั้งสมาชิกที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งก็ได้มีรวบรวมข้อมูลคำร้องเรียนที่เคยรวบรวมมาไว้ในการเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินรวม 2 เล่ม มีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พร้อมพยานหลักฐาน เมื่อรับเรื่องเอาไว้แล้ว สำหรับกฎหมายสภาทนายความเป็นหน่วยงานหนึ่ง ที่ทำที่มีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำ แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องมรรยาททนายความ เราไม่มีอำนาจเข้าไปสืบสวนหรือหาข้อเท็จจริง แต่เราเป็นช่องทางที่ทางสภาทนายความจะอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนทุกคน แล้วนำเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทราบว่าประเด็นสำคัญของสังคม คือพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อพิจารณาว่า จะมีมติรับคดีกรณีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษการสอบหรือไม่

อย่างไรในฐานะคณะกรรมการคดีพิเศษจะต้องนำพยานหลักฐานในวันนี้ ไปมอบให้ประธานคณะกรรมการคดีพิเศษในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) ทางดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษเป็นไปตาม พ.ร.บ.คดีพิเศษซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษมีการประชุมก่อนหน้านี้แล้วว่ามีคดีอะไรบ้าง ที่เป็นคดีที่ดีเอสไอมีอำนาจในการรับพิจารณาซึ่งเป็นไปตามประกาศ พ.ร.บ.คดีพิเศษ มีทั้งหมด 25 มูลฐานความผิด และคดีที่คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติ 2 ใน 3 พิจารณาให้รับ พรุ่งนี้เชื่อว่าจะมีคนนำเสนอที่ประชุมเกี่ยวกับมาตรา 21 (2) ให้อำนาจของกรรมการทั้งหมดรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่อย่างไร ต้องรอฟังการแถลงในที่ประชุม ส่วนจะโหวตยังไงต้องดูเหตุผลในการประชุมพรุ่งนี้ ที่ประชุมจะมีการถกหารือกันและลงมติว่าจะรับหรือไม่รับเป็นกรณีพิเศษ

แต่กรณี ที่ สว. ให้ข่าวบอกว่ามีการกดดัน คณะกรรมการคดีพิเศษ นั้น เป็นเรื่องไม่จริง ตนไม่เคยได้รับสายใคร หรืออาจจะเพิ่งกลับจากต่างประเทศด้วย และที่สำคัญไม่มีใครมากดดันตนได้ โดยพรุ่งนี้คณะกรรมการคดีพิเศษจะประชุมบ่ายโมงที่กระทรวงยุติธรรม

ด้าน นายณฐพร กล่าวว่า ตนเห็นว่าปัญหาทางรัฐธรรมนูญควรได้รับการแก้ไขโดยเฉพาะการเลือกตั้ง สว. ซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติซึ่งควรจะต้องแต่งตั้งองค์กรอิสระจะต้องได้คนที่ซื่อสัตย์บริสุทธิ์ และผ่านการเลือกตั้งโดยสุจริตยุติธรรม แต่ปรากฏว่าจากพยานหลักฐานที่ตนรวบรวมนำเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเห็นว่าคัดเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่สุจริตและไม่ยุติธรรม ประเด็นเหล่านี้ตนเคยร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ปรากฏว่าร้องผิดมาตรา ในส่วนของตนคาดว่าไม่เกินวันที่ 10  มี.ค. 2568 จะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะหลักฐานต่างๆ เรามีภาพเสียงคลิปเสียงพยานเอกสารพยานบุคคลและพยานจากหน่วยงานต่างๆ จะนำเสนอต่อศาลและและคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญใช้ระยะเวลาพิจารณาไม่เกิน 2-3 เดือน

นายณฐพร กล่าวว่า ที่ตนเห็นความผิดปกติในการเลือกเมื่อประชาชนสมัครหวังจะให้ตัวเองได้ แต่พบว่าสมัครแต่ไม่ได้เลือกตัวเอง และการรับรองบุคคลจะต้องมีหน่วยงานรับรอง เช่น สภาทนายความจะต้องเป็นผู้รับรองกลุ่มอาชีพทนายความ แต่ปรากฏว่ามีการออกหนังสือรับรองโดยไม่บอกคุณสมบัติกลายเป็นมีผู้ผ่านคุณสมบัติเต็มไปหมด กลายเป็นใครรับรองก็ได้ เรื่องการรับรองก็ผิดตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าการเลือกตั้งต้องเป็นไปในทางยุติธรรม จะต้องสรรหาจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ จะต้องมีตำแหน่งอาชีพเกิน 20 ปี แต่พบว่ามีการแจกเสื้อ มีการประชุมตามโรงแรมมีการแจกเงิน

“ผมอายุ 75 ปี ยังไม่เคยเห็นการเลือกตั้งครั้งไหนที่แย่ขนาดนี้ ผมมีหลักฐานการโอนเงิน แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ตนมีคลิปในการเจรจา มีเสียงและภาพถ่าย หลายแห่งจากการฮั้วเป็นหลายส่วน มีการระบุว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ เมื่อไหร่ ยังไง จะเห็นได้ว่าคนที่เป็นที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเป็นคนที่สมัครรับเลือกตั้งมาก่อน ทั้งนี้ตนสามารถเชื่อมโยงว่ากลุ่มนี้เป็นใครมาจากไหนและใครเป็นหัวหน้าหน่วยใครเป็นคนดำเนินการอย่างไร ผมยังทราบอีกว่าคนเขียนโปรแกรมและการฮั้วทั้งหมดเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ โดยผมจะเปิดเผยชื่อในศาลรัฐธรรมนูญด้วย ผมมีข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงถึงพรรคการเมืองและตัวบุคคลที่เป็นระดับใหญ่ของพรรคการเมือง” นายณฐพร กล่าวและว่า และมั่นใจว่าคดีนี้บอร์ดดีเอสไอจะรับ เพราะว่ามีผู้สมัครซึ่งเป็นผู้เสียหายหลายคนไปแจ้งความดำเนินคดี เป็นการแจ้งความเกี่ยวกับเรื่องการทำให้เขาเสียสิทธิอย่างไร