เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 68 นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คุณหมออารมณ์ดีเจ้าของเพจ “หมอเจด” ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ โดยระบุว่า 6 เคล็ดลับดูแลผู้ป่วยโรคตับ

การเลือกอาหารเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคตับ เพราะตับมีหน้าที่เผาผลาญสารอาหารและขับสารพิษออกจากร่างกาย ถ้าตับทำงานหนักเกินไป อาการของโรคอาจแย่ลงได้ วันนี้ผมมาแนะนำวิธีการเลือกอาหารที่ช่วยให้ตับทำงานเบาขึ้นและลดภาวะแทรกซ้อนสำหรับผู้ป่วยโรคตับ การเลือกกินอาหารที่ถูกต้องช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น และลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคตับในระยะยาวด้วยนะ

1.โปรตีนต้องพอ แต่ต้องเลือกให้ดี
ผู้ป่วยโรคตับยังคงต้องกินโปรตีน เพราะโปรตีนช่วยซ่อมแซมร่างกาย แต่ควรเลือกโปรตีนที่ย่อยง่าย และปริมาณที่เหมาะสมคือ 1.0-1.5 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน เช่น ถ้าหนัก 70 กก. ควรกินโปรตีน 70-105 กรัมต่อวัน
แหล่งโปรตีนที่ดี:
• โปรตีนจากพืช เช่น เต้าหู้, ถั่วเหลือง, ถั่วแดง, อัลมอนด์
• โปรตีนย่อยง่าย เช่น ไข่ขาว, ปลา, อกไก่
ควรเลี่ยง:
• เนื้อแดง เช่น เนื้อวัว, เนื้อหมูติดมัน
• อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก, แฮม, เบคอน
(หากมีภาวะสมองเสื่อมจากตับ อาจต้องลดโปรตีนลง เหลือ 0.6-1.0 กรัม/กก./วัน ตามคำแนะนำของแพทย์)

2.ไขมันดีช่วยตับ ไขมันไม่ดีทำร้ายตับ
ไขมันควรเป็น ไขมันดี และควรได้รับไม่เกิน 25-30% ของพลังงานทั้งหมดต่อวัน
ไขมันดีที่ควรกิน:
• น้ำมันมะกอก, อะโวคาโด, ถั่ว, ปลาไขมันดี (เช่น แซลมอน, ซาร์ดีน)
ไขมันที่ควรเลี่ยง:
• ไขมันอิ่มตัวจากเนื้อสัตว์ติดมัน, อาหารทอด, ขนมอบ, ไขมันทรานส์
ถ้าเป็น ไขมันพอกตับ ควรลดไขมันอิ่มตัวให้เหลือไม่เกิน 7% ของพลังงานทั้งหมด

3.ควบคุมโซเดียม ลดบวมน้ำและท้องมาน
โซเดียม (เกลือ) มากเกินไปจะทำให้ตัวบวมและเสี่ยงต่อภาวะท้องมาน ควรจำกัดให้ ไม่เกิน 1,500-2,000 มก./วัน (ประมาณ 1 ช้อนชาเกลือ)
วิธีลดโซเดียมง่ายๆ:
• เลือกอาหารสด ไม่ใช่อาหารแปรรูป
• ใช้สมุนไพรแทนเกลือ เช่น มะนาว, กระเทียม, พริกไทย
ควรเลี่ยง:
• อาหารกระป๋อง, อาหารหมักดอง, ซุปก้อน, น้ำปลา, ซีอิ๊ว

4.คาร์โบไฮเดรตต้องเป็นแบบดี และมีกากใย
คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลัก ควรเป็น 50-60% ของพลังงานทั้งหมด และเลือกแบบที่ดีต่อสุขภาพ
ควรกิน:
• คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, ขนมปังโฮลวีท, ผัก
• ผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง, แอปเปิ้ล, เบอร์รี่
ควรเลี่ยง:
• อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม, ขนมหวาน, น้ำผลไม้ขวด

5.งดแอลกอฮอล์เด็ดขาด
• แอลกอฮอล์เป็นศัตรูตัวร้ายของตับ ห้ามดื่มโดยเด็ดขาด
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินขนาด เช่น พาราเซตามอล หรือสมุนไพรที่ไม่ปลอดภัยต่อตับ

6.แบ่งมื้ออาหารให้เหมาะสม
✅ ควรกิน 4-6 มื้อต่อวัน แทนการกินมื้อใหญ่เพียง 2-3 มื้อ
✅ หลีกเลี่ยงการอดอาหารนาน เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
✅ มื้อดึกสามารถกินคาร์โบไฮเดรตเบาๆ เช่น ขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น หรือกล้วย ½ ลูก