นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สร้างความฮือฮาให้กับแฟนๆ หลังล่าสุด ”ครูไพบูลย์ แสงเดือน“ เจ้าของค่ายเพลงดัง  ได้ปิดตำนาน กงยูเมืองไทย พร้อมเปิดตำนานบทใหม่เป็น มาดามบูลนี่ ซึ่งเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ตอบกระแสหลังเจ้าตัวสลัดลุคหนุ่มก้ามปู มาแต่งหญิง จนฮือฮาไปทั้งโลกออนไลน์ พร้อมเคลียร์ใจโดนชาวเน็ตแซะ โสดจนสติแตก อีกทั้งยังเล่าเรื่องราวสุดช้ำที่ทำธุรกิจเจ๊ง สูญเงินหลายล้าน แถมยังเจอคนรอบข้างทักครูไพบูลย์โดนทำของใส่

ครูไพบูลย์ เผยว่า “ตอนนี้ในโลกออนไลน์ชื่อมีเยอะเลย มาดามบูลนี่, เจ๊บูลย์ ตอนนี้เค้าลืมกงยูไปแล้ว จากหนุ่มก้ามปูมาเป็นสาวหวานได้ มันเกิดจากเพื่อนสาวของแม่เอง ให้ไปลองชุดถ่ายดูหน่อยเผื่อสวย แล้วชุดที่ใส่เป็นชุดผู้หญิง พอใส่ทำไมดูแปลกๆ เวลาใส่เข้าไปทำไมเดินตูดบิด มันเป็นเองโดยธรรมชาติ มันก็เลยรู้สึกว่าหรือเราต้องเป็นแบบนี้หรือเปล่า ยิ่งได้ทาเครื่องสำอาง แต่งหน้า มันเริ่มชัดขึ้นมาแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าถ้าฉันแต่งแบบนี้ ฉันก็สวยอยู่นะ อีกอย่างมันสนุกดี เราได้ผ่อนคลายด้วย ได้แต่งตัว หรือเรารู้สึกเป็นผู้หญิงหรือเปล่า รู้สึกว่าฉันสวย ซึ่งแต่งผู้หญิงครั้งแรกจะเขิน ไม่กล้า เพราะตอนที่เราใส่ช่วงแรก เราไม่ได้แต่งหน้าด้วย หน้ายังดำกระด้าง ยังเป็นผู้ชายอยู่ พอใส่ชุดผู้หญิงมันจะแมตช์กันไหม แต่พอแต่งหน้าด้วยมันก็เข้ากันดี ซึ่งเราก็ รู้สึกว่าเขินประมาณ 2-3 ครั้ง ส่วนครั้งแรกที่เราแต่งเป็นผู้หญิง แล้วออกไปเจอผู้คน ก็มีเขินนิดหน่อย แต่พอมีคนชม เมื่อก่อนไม่ชอบเลยเป็นผู้ชาย ดูแอค แต่พอเปลี่ยนเป็นผู้หญิงดูอ่อนโยน แล้วสวยด้วย จริตเริ่มได้ เราเลยรู้สึกมีกำลังใจในการใช้ชีวิตในโซเชียลแบบนี้ แล้วก็มีคนชมว่าเราแต่งตัวแบบนี้ ดูเป็นลุคสาย ฝ. ตอนที่ไปพัทยา ไปถ่ายงาน แล้วมีชุดดำที่เป็นทูพีซ คนบอกมาสายมาดาม สาย ฝ. ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มละเริ่มจะติดใจ พอมาสายนี้ให้คนละมุมตา  แต่ก็ยังมีโดนบูลลี่ คือบางคนบอกว่า สติแตกเหรอ โดนเมียทิ้งเหรอถึงเป็นแบบนี้ ถึงว่าแหละเมียถึงทิ้ง แต่เราไม่ได้สนใจตรงนั้น คำบูลลี่มันไม่ได้หายหรอก ก็เหมือนคำชื่นชม มีมาเดี๋ยวก็ไป เราพัฒนาตัวเองดีกว่า ไม่ต้องสนใจ ถามว่าเรารับมือกับมันยังไง ไม่ว่าร่างไหน ลุคไหน ก็มีคนมาบูลลี่ตลอด คือมีคนถามผมตลอดนะว่าเคยอ่านคอมเมนต์ไหม ผมอ่านนะ บางทีก็อยากรู้คนที่ด่าเราคือใคร ผมก็เข้าไปดูเลย ผมก็ขี้เสือกเหมือนกัน เธอเป็นใครเหรอ คุณภาพชีวิตเธอเป็นยังไง บางคนเพิ่งเลิกกับผัวมา บางคนเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว ไม่ฉันไม่โต้ตอบ ฉันให้เธอด่าเลย แล้วทุกวันนี้ มันมีบางคนที่ผมเอากลับมาเป็น fc ผมเยอะ ซึ่งเราก็มีน้อยใจครับ เคยท้อมากๆ ดาวน์มาก จนผมไม่ทำอะไรนานหลายเดือนเลย ช่วงที่เลิกรากันใหม่ๆ ทำอะไรไม่ได้ งานมันไม่ดี ไม่ได้มีเงินมากถึงขนาดนั้น ช่วงที่ผมออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส คือช่วงนั้นไม่มีงานเลย ก็ดื่ม เที่ยว ไม่มีรายได้เลย แต่สุดท้ายก็ดึงตัวเองกลับมา โชคดีที่มีเพื่อนที่ทำธุรกิจออนไลน์ ผมก็อยากบอกคนที่ยังบูลลี่จนถึงทุกวันนี้ คืออยากจะบอกว่าขอบคุณ ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่ดูพัฒนาการของผม ผมจะทำให้คุณเห็น เมื่อก่อนกับสิ่งที่เป็นอนาคต ฉันจะพัฒนาตัวฉันเอง คุณไม่ต้องพัฒนาก็ได้ รอดูอยู่ที่เดิม แล้วฉันจะขอบคุณที่รอดูฉัน ซึ่งเจตนาที่เราเปลี่ยนลุคมันก็คือคอนเทนต์หนึ่ง มีคนบอกว่า ชอบครูไพบูลย์ลุคนี้ ดูอ่อนโยน สร้างสีสัน ผมไม่ได้มีเจตนาเอาคอนเทนต์ของเพศที่สาม มาล้อเลียน หรือมาเล่น ฉันคบเพื่อนแบบนี้ฉันมีความสุข ฉันก็เลยอยากนำเสนอแบบนี้

พอเรามาเป็นลุคมาดาม ถามว่าปิดตำนานกงยูเมืองไทยไหม มันอยู่ที่ผู้ดูผู้ชมมากกว่า ว่าอยากให้ผมเป็นอะไรในความสุขของเขา เขาเยอะกว่าเรา เราต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อคนหมู่มาก ซึ่งเมื่อก่อนมีแต่สาวๆ ทักเข้ามา แต่พอมาเป็นลุคมาดามมีหนุ่มๆ ทักมาเยอะเลยค่ะ มีแบบว่า ขออนุญาต เสว(เสียว)มากเลย บางคนทักมาอยากโดนครู…มากเลย แต่เป็นผู้ชายนะ และก็มีส่งภาพแปลกๆ มาด้วย บางคนมีเหลืองๆ มาด้วย ซึ่งผู้หญิงก็มีแต่บอกว่าขอเป็นลูกสาวแม่ได้ไหม ชอบ ถามว่าจะเปิดใจให้เพศอื่นๆ ไหม ในการเปิดใจคุยกัน คือผมเป็นคนชอบทุกเพศอยู่แล้วครับ ผมอยู่กับคุณทุกเจน ทุกเพศ ทุกวัย เราก็อยู่กับสภาพจิตใจตัวเอง ได้ถามตัวเองมาแล้ว เราเข้มแข็งกับตัวเองได้ เพราะฉะนั้นเราก็สามารถอ่อนโยนกับคนอื่นได้เช่นกัน เราไม่ได้ปิดกั้นเรื่องของความรัก เปิดใจคบได้ ไม่เกี่ยวเรืองเพศ คุยได้ด้วย คุยแล้วมันใช่ก็ไปต่อ

สถานะหัวใจตอนนี้ก็ยังโสดอยู่ครับ แต่ก็มีคนเข้ามาคุยเรื่อยๆ แต่เราเองแทบจะไม่มีเวลาคุยกับใคร เพราะช่วงนี้เราทำงานหนักมาก แต่งตัววันหนึ่งก็ปาไป 2-3 ชั่วโมงแล้ว แล้วมันยากตรงใส่ชุด ใส่ยังไงให้เข้ากับเราได้ สรีระเรายังไม่ตอบรับโจทย์ของความเป็นผู้หญิง ส่วนชุดที่ใส่มาวันนี้ เพื่อนเป็นคนเลือกให้ครับ การออกแบบดีไซน์ก็เป็นเพื่อนทั้งหมด ตอนนี้คอนเทนต์ที่นำเสนอจะเป็นแนวสนุกมากกว่า แต่งหน้าจริงแต่ก็จะสนุก ให้คนดูไม่เครียด

เรื่องของหัวใจจริงๆ ก็อยากมีสาวๆ เข้ามาคุย แต่ข่าวเราก่อนหน้านี้ ทำให้สาวๆ กลัวที่จะเข้ามาหาเราเหมือนกัน  ผมว่าเกิน 80% เพราะคนคิดว่าเรามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง เพราะเราเคยมีแฟน อายุก็ไม่ได้ห่างกันเยอะนะ แต่ดูเหมือนว่าเขาชอบเด็กหรือเปล่า เขามีปัญหากันมันจบหรือยัง ผู้หญิงคนใหม่ที่จะเข้ามา เขาเลยมองว่าฉันควรจะเข้าไปดีไหม ก็มีมองๆ มา แล้วมีหลายคนอยากคุยด้วย แต่เราก็ให้โอกาสทุกคน รวมถึงให้โอกาสตัวเองด้วย ซึ่งจริงๆ ก็เหงานะครับ แต่มันเหมือนมาแป๊บเดียวแล้วก็ไป บางวันแทบลืมไปเลยว่า เราโสด เราเหงา เพราะในชีวิตกิจกรรมเราเยอะมาก ถ่ายงาน ตื่นเช้ามาถ้ามีกำลังก็ไปเข้ายิม แล้วทำงาน อยู่กับเพื่อน เพื่อนผมไม่ค่อยชอบนอน นั่งคุยกันยันสว่าง ตื่นขึ้นมาก็ชวนทำงาน ถ้าถามว่าช่วงวาเลนไทน์เห็นเขามีคู่ ให้ดอกไม้กัน มันมีจี๊ดหัวใจบ้างไหม ผมเฉยๆ เพราะตอนที่ผมมีแฟน ผมอาจจะแย่ในมุมนี้ก็ได้ อาจจะไม่ได้เซอร์ไพร้ส์ดีมาก หรือไม่ให้ความสำคัญ 100% แต่ถามว่ามีดอกไม้ให้ไหม ก็มี แต่ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้ถือเป็นวันพิเศษมากๆ ผมกลับมองว่าทุกๆ วัน ของผมคือวันวาเลนไทน์ มันพิเศษที่สุด ก็เลยทำให้มันดีที่สุด ช่วงที่ผ่านมาเลยกลายเป็นคอนเทนต์ในโซเชียลไปเลย คนที่มีแฟนสมน้ำหน้า ไม่มีอิสระในการเลือก 

และก่อนหน้านี้ก็ทำลูกชิ้นมีหู ตอนนี้ก็ยังอยู่ แต่เราพักไว้ก่อน ต้นทุนมันสูง แล้วการขนส่งมีปัญหา เพราะมันเป็นของสด ต้องแช่ฟรีซ ใส่โฟม ใส่น้ำแข็ง เยอะแยะมากมาย เลยพักไว้ก่อน มาทำอะไรที่มันง่าย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำธุรกิจ สูญเงินไป 5,000,000 คือเราลงทุนทำร้านอาหารกึ่งผับ ที่ประเทศลาว เรามีเพื่อน มีพี่ เป็นคนในพื้นที่ตรงนั้น ตอนแรกทำ 3-4 คน เพราะมันเป็นร้านไม่ใหญ่ แต่จะเป็นสองชั้น สไตล์คนลาวเขาชอบ ซึ่งพอลงทุนไปแล้ว ก็ทำอยู่ประมาณเกือบหนึ่งปี เพิ่งเลิกทำเมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว ก็เหมือนจะไปได้สวย ช่วงแรกก็เหมือนได้ ช่วง 3-4 เดือนมันได้ แต่พอหลังๆ มา ผมเห็นค่าใช้จ่ายมากขึ้น แล้วค่าใช้จ่ายที่ผมลงทุนไปผมเอากลับมาไม่ได้แล้ว ของที่ซื้อไว้ก็เอากลับมาไม่ได้ ก็เจ๊งเลย ตอนแรกปล่อยให้คนมาเซ้ง ก็ไม่มีใครเอา เพราะยอดมันสูง เราลงทุนไป 4-5 ล้าน ใครเขาจะมาเซ้งราคานี้ เราเครียด เราไม่มีความรู้ด้วย แต่ด้วยความที่เราอยากทำ มีความฝันว่าฉันอยากทำผับนะ แต่พอทำไปจริงๆ มันไม่ใช่ มันซับซ้อน รายละเอียดมันเยอะ ผมเลยยอม แต่ถ้าหลังจากนี้มีคนมาชวนทำเกี่ยวกับร้านอาหารอีก ก็ต้องดูก่อน เพราะยังชอบอยู่ ยังไม่ได้ให้คำตอบตัวเองว่าฉันยอมแพ้แล้ว ยังอยากทำอยู่ แต่ขอทำที่มันชัวร์กว่านี้ ที่เราถนัดมากกว่านี้ ซึ่งที่สูญเงินไป 4-5 ล้าน ตอนนี้ทำยังไง ผ่านมันไปได้ยังไง ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ คิดซะว่าเราซื้อหวยไม่ถูก เราใช้ชีวิตแบบเสเพล ก็เหมือนเป็นการซื้อเวลาชีวิตตัวเองในการที่ดาวน์ ถือเป็นบทเรียนของชีวิตและมีสติ ซึ่งตอนนั้นเครียดถึงขั้นผมไม่ทำอะไร คือมันช่วงเดียวกันเลย ช่วงดราม่า ร้านอาหารก็ปิด ผมมี 2 ร้าน ที่ไทยก็มี อยู่ที่บ้านต่างจังหวัด เป็นคาเฟ่ ผมก็ได้ปิดปรับปรุงเหมือนกัน แต่เป็นการปิดปรับปรุงแบบถาวร แล้วเคยมีแวบหนึ่งที่มันดิ่งสุด เคยคิดเคียดแค้นด้วยนะ คือหมายความว่าใครทำให้เราเป็นแบบนี้ คือโทษคนอื่นด้วย แล้วก็โทษตัวเองด้วย เคยคิดว่าชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตเลยนะ ชีวิตผมอยู่ดีๆ ก็มาพัวพันเรื่องคดีความ เรื่องคนใส่ความนู่นนั่นนี่ เป็นดราม่าไม่จบไม่สิ้น ก็คิดว่ามันต้องจบแบบไหน แต่ก็ผ่านมาได้เพราะลูกครับ ผมกลับไปหาลูก ทุกครั้งที่รู้สึกแบบนี้จะรีบกลับไปหาลูกก่อน ไปอยู่กับเขา เพราะนี่คือความหวังของเรา แล้วเราคือความหวังของเขา ถ้าเราพลาดไปมากกว่านี้ คือเราแย่มากเลยนะ เราทิ้งเขาเลยนะ มันไม่มีความเป็นพ่อเลย ก็เลยดึงตัวเองกลับมา ใช้ชีวิตให้มีความสุข และให้เขาเห็นเราในมุมที่ดีที่สุด ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ แล้วทำทุกอย่างเพื่อเขา จะแต่งตัวยังไงจะทำอะไร  ขอให้มีรายได้เข้ามา เพื่อลูก ผมไม่มีรายได้มาหนึ่งปี ธุรกิจที่ลาวก็เจ๊ง ค่ายเพลงก็ไม่มีคนดัง เลิกกับแฟน ผมไม่มีรายได้ ดาวน์มาก แต่รายจ่ายผมยังเท่าเดิม ผมต้องดิ้นรนทุกอย่าง บางทีผมไปกู้เครดิตไม่ผ่านบ้าง เพราะเราไม่เคยกู้ ไม่เคยเป็นหนี้ เราไม่มีเครดิตในแบงก์ต่างๆ เราซื้อสดตลอด ตอนที่เราหาเงินได้ พอเราจะกู้เราทำไม่ได้ มันเครียดมาก เลยมาเจอเพื่อนนี่แหละเมื่อปีที่แล้ว เขาพาเราทำออนไลน์

แต่กว่าจะผ่านมาได้ เคยเกิดเรื่องเฉียดตาย อันนี้คือตอนไปคอนเสิร์ตกับน้อง ตรงนั้นมันเป็นพื้นที่ชายแดน ไปเล่นคอนเสิร์ตกัน ตอนเล่นมันก็ดีอยู่ จังหวะสนุก เหมือนงานอีกครึ่งชั่วโมงจะเลิก วัยรุ่นเริ่มรู้งานแล้ว ก็ตีกัน แรกๆ ใช้มือ หลังๆ มา เริ่มได้ยินเสียงระเบิด มีเสียงปืนด้วย ตอนแรกเราก็คิดว่าจุดประทัดกันหรือเปล่า แต่มันดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนสงครามเลย แล้วตอนนั้นคนเริ่มวุ่นวายแล้ว เรารีบกระโดดลงจากเวที และรถเราจอดอยู่หลังเวที ผมพาน้องๆ ขึ้นไปอยู่บนรถ จะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่เราอยู่ในรถก่อน ตอนนั้นเสียงน่ากลัวมาก มันเป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่ที่ไปคอนเสิร์ตแล้วมีการตีกันแบบรุนแรง แต่ก็รอดมาได้

ส่วนเรื่องที่เราโดนทำของใส่มันเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเราไม่รู้ตัวคนทำ คือเรารู้ตัวแต่เพื่อนบอกว่า เธอเป็นอะไร หน้าเธอนับวันยิ่งคล้ำ ผอม แล้วดำลงเรื่อยๆ ไม่มีความสุขเลย แล้วแววตาเธอเศร้าตลอดเวลา เป็นอะไร ลูกน้องที่ทำงานก็เหมือนกัน ทักว่าเป็นอะไร ถูกของใคร ทำไมหน้าเศร้าตลอดเวลา แล้วทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องอยู่ในบ้าน ถามว่าตัวเราเองรู้สึกไหมว่ามันมีอะไรเปลี่ยนไป ผมรู้สึกแค่ว่าทำไมทำอะไรยากจัง หาเงินยากมาก ทำอะไรก็ยังไม่ดี เหนื่อย แล้วไม่อยากทำอะไรเลย มีแต่อยากไปเที่ยว อยากดื่ม ตอนแรกคนทักอะไรก็ไม่เชื่อ คิดว่าตัวเองเป็นช่วงดิ่ง แต่มีประโยคที่เพื่อนทักทำให้รู้สึกว่าต้องไปถอนของ เพื่อนพูดว่า เธอเชื่อไหมว่าทำอะไรมันก็จะไม่ดีขึ้น เพราะเธอโดนของด้วยการครอบเอาไว้ เราก็มาคิด มันก็ใช่นะ รู้สึกว่าทำอะไรก็เจ๊ง ดาวน์มาตลอด จะทำอาหารเสริมมาขาย ก็เจ๊งอีก พอเราเชื่อแล้วไปแก้ ก็มีการสวด อาบน้ำมนต์ ฝังตะกรุด แล้วพอถอนปุ๊บ ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น คือมันเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วที่ได้รู้จักเพื่อน ก็เริ่มวางแผนเดี๋ยวเธอต้องเข้าโรงงานนี้นะ เพื่อหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเราไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำของใส่ เพราะเราเจอคนเยอะ แต่เขาบอกว่าเป็นผู้หญิง ตอนไปแก้ก็มีทั้งพระ พราหมณ์ ทุกอย่างทัก เพื่อนพาไปแทบทุกที่ และเป็นการทำให้เราสบายใจ”