จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับคำร้องขอความเป็นธรรม จำนวน 3 คำร้อง ขอให้มีการตรวจสอบประเด็นการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 เนื่องจากพบเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง สว. พบข้อพิรุธในกระบวนการในการเลือก สว. จำนวน 200 ราย และขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิก สว. สาย ข กลุ่มที่ 1 และกระบวนการเลือก สว. ที่อาจมีกรณีความผิดต่อกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิก สว. กลุ่มที่ 18 และคัดค้านการประกาศรับรองผลการเลือกสมาชิก สว. กระทั่งต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการตั้งเลขสืบสวนที่ 151/2567 เพื่อทำการสืบสวน บันทึกถ้อยคำให้การของพยาน และแสวงหาข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77(1) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่) และความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งการกระทำผิดทางอาญาดังกล่าว กระทำต่อบทกฎหมายอื่นนอกจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่โดยตรงของ กกต. จึงควรให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนดำเนินคดีอาญาตามความผิดที่พบ ทำให้ดีเอสไอได้มีหนังสือสอบถามกลับ กกต. ว่ามีความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต. ประสงค์จะรับไว้ดำเนินการสอบสวนเอง และความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต. ประสงค์จะให้ดีเอสไอสอบสวน หรือ กกต. จะสอบสวนเองในการกระทำความผิดทางอาญาทุกข้อกล่าวหา ทุกฉบับกฎหมาย หรือประสงค์จะให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนในการกระทำความผิดทางอาญาทุกข้อกล่าวหา และทุกฉบับกฎหมาย แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 68 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ทำหนังสือแจ้งกลับไปยังอธิบดีดีเอสไอว่า เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วหรือไม่ ยังไม่ได้เสนอเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. “ทีมข่าวเดลินิวส์ออนไลน์” ตรวจสอบรายละเอียดเอกสารที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงวันที่ 3 ก.พ. 68 ส่งถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่อง แจ้งความคืบหน้าผลการสืบสวน และขอความเห็นการดำเนินคดี รวมถึงอ้างถึงหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลับ ด่วนที่สุด ที่ ลต… ลงวันที่ 22 ม.ค. 68 กรณีการตรวจสอบคำร้องขอความเป็นธรรม เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 67

ตามหนังสือที่อ้างถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคำร้องแต่ละคำร้องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้ดำเนินการ รวมทั้งขอทราบว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการอยู่ในขั้นตอนใดแล้ว โดยขอให้ส่งข้อมูลภายในวันที่ 24 ม.ค. 2568 ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

จับตาบอร์ดดีเอสไอเตรียมพิจารณา รับ “คดีโพยฮั้ว สว.67” เป็นคดีพิเศษ

กรมสอบสวนคดีพิเศษขอแจ้งข้อมูล ดังต่อไปนี้

1.กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคำร้องขอความเป็นธรรม จำนวน 3 คำร้อง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.1 กรณี พล.ต.ต. … ผู้ร้อง มีหนังสือฉบับลงวันที่ 18 มิ.ย. 2567 ขอความเป็นธรรม จากการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2567 ณ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาจังหวัดปทุมธานี จากการที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ชอบธรรม และฉบับลงวันที่ 24 มิ.ย. 2567 กรณีพบเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (คำร้องที่ 1099/2567)

1.2 กรณี นายภัทรพงษ์ … ผู้ร้อง มีหนังสือฉบับลงวันที่ 9 ก.ค. 2567 ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 และได้สมาชิกวุฒิสภา จำนวน 200 คน พบข้อพิรุธในกระบวนการในการเลือก (คำร้องที่ 1193/2567)

1.3 กรณีนายทินกร … ผู้ร้อง มีหนังสือฉบับลงวันที่ 17 ก.ค. 2567 ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา สาย ข กลุ่มที่ 1 และกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่อาจมีกรณีความผิดต่อกฎหมาย (คำร้องที่ 1268/2567) และฉบับลงวันที่ 17 ก.ค. 2567 ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 18 และคัดค้านการประกาศรับรองผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (คำร้องที่ 1269/2567)

2.เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2567 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีข้อสั่งการท้ายหนังสือกองกิจการอำนวยความยุติธรรมที่ ยธ. … ลงวันที่ 14 ส.ค. 2567 อนุมัติให้กองกิจการอำนวยความยุติธรรมดำเนินการสืบสวน ตามมาตรา 23/1 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณี การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงนามในคำสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ …. ลงวันที่ 4 ก.ย. 2567 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวน ตามมาตรา 23/1 วรรคสอง เป็นเรื่องสืบสวนที่ 151/2567

3.เลขสืบสวนที่ 151/2567 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสืบสวน และกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน กล่าวคือ การบันทึกถ้อยคำพยานบุคคล การตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางดิจิทัล การตรวจสถานที่เกิดเหตุ สถานที่จัดฮั้วสมาชิกวุฒิสภา การตรวจสอบพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารเกี่ยวกับโพยสมาชิกวุฒิสภา และการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ฮั้วสมาชิกวุฒิสภา และผลการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้

การสืบสวนเลขสืบสวนที่ 151/2567 พิจารณาจากพยานหลักฐานในชั้นนี้ ปรากฏข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่ามีขบวนการในรูปแบบคณะบุคคล มีการจัดตั้งเครือข่ายขบวนการซึ่งปกปิดวิธีการ มีวัตถุประสงค์เพื่อฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 เพื่อได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา โดยมีการวางแผนสลับซับซ้อน ทราบเฉพาะในกลุ่มขบวนการ กล่าวคือ ขบวนการได้จัดการให้มีผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาในระดับอำเภอ โดยสมัครกลุ่มละ 5 คน รวม 100 คน ในระดับอำเภอ 928 อำเภอ (หลักเกณฑ์รอบเข้าเลือกได้ 5 คน) จึงทำให้บางจังหวัดมีผู้สมัครจำนวนมาก สำหรับค่าตอบแทนนั้น ระดับอำเภอ จำนวน 5,000 บาท ระดับจังหวัด จำนวน 10,000 บาท และระดับประเทศ จำนวน 40,000-100,000 บาท และถ้าได้สมาชิกวุฒิสภามากกว่า 120 คน จะได้เพิ่ม จำนวน 100,000 บาท

หลังจากวันที่ 16 มิ.ย. 2567 ภายหลังผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด ขบวนการได้นัดหมายผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ ไปจัดทำโพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนครนายก ในวันที่ 24 มิ.ย. 2567 เวลา 16.00 น. ซึ่งมีการจ่ายเงินสดเป็นมัดจำ จำนวน 20,000 บาท ส่วนที่เหลือได้รับภายหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองผลเลือกแล้ว

จากการสืบสวนพบว่า โพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภามีหมายเลข จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน รวม 140 คน และในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ พบว่าขบวนการจัดตั้งมีจำนวนผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งอยู่ในขบวนการ จำนวนประมาณ 1,200 คน

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 เวลา 05.00 น. ขบวนการได้แจกเสื้อสีเหลือง ให้กับผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ และขบวนการได้อำนวยความสะดวกโดยจัดหารถตู้โดยสารส่งผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ เดินทางไปเมืองทองธานีเพื่อเลือกสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ และผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในรอบเช้าและรอบไขว้ เป็นไปตามโพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภาทุกประการ

สำหรับโพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คนนั้น พบว่าเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 138 คน และอยู่ในลำดับสำรอง 2 คน

กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่) และความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

เนื่องจากการกระทำความผิดของกลุ่มขบวนการในครั้งนี้ มุ่งหวังเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ กระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ กระทำผิดต่อกฎหมายหลายฉบับ โดยทราบว่ามีการวางแผนมาตั้งแต่ก่อนเริ่มกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ต่อเนื่องมาจนถึงภายหลังจากการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเสร็จสิ้นแล้ว มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม มีการแบ่งแยกหน้าที่ มีฝ่ายไอทีเตรียมโปรแกรมคำนวณการลงคะแนน ออกเป็นโพยฮั้วเพื่อให้ได้ผลลัพธ์จำนวนสมาชิกวุฒิสภาตามที่ต้องการ เตรียมบุคคลที่มาลงคะแนนที่เรียกว่ากลุ่ม “พลีชีพ” ดังนั้น ในการดำเนินการกับขบวนการดังกล่าว จึงต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนเป็นพิเศษ ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขตามกฎหมายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะรับดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้

กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงประสงค์ที่จะรับดำเนินการสอบสวนในส่วนที่พบการกระทำผิดทางอาญาไว้ดำเนินการ เนื่องจากกลุ่มขบวนการมีการวางแผนที่สลับซับซ้อน กระทำการอุกอาจมิได้เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ยังไม่ได้พิสูจน์ทราบอีกจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้วิธีการรวบรวมหลักฐานเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบร่องรอยการติดต่อสื่อสาร เส้นทางการเงิน สถานที่จัดประชุม วางแผน สถานที่พบปะติดต่อ พิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนการกระทำความผิดของกลุ่มขบวนการ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความพร้อมด้านบุคลากรและเครื่องมือทางด้านเทคโนโลยีที่จะใช้ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบเครือข่าย และองคาพยพของกลุ่มขบวนการทั้งหมด นอกจากนี้ พยานสำคัญอาจจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการให้ความคุ้มครองพยาน เพราะเหตุที่พยานอาจเกรงกลัวต่ออันตรายแก่ชีวิตร่างกาย ประกอบกับการกระทำผิดทางอาญาดังกล่าวกระทำต่อบทกฎหมายอื่น นอกจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ที่อยู่ในอำนาจ หน้าที่โดยตรงของ กกต. จึงควรให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนดำเนินคดีอาญา ตามความผิดที่พบดังกล่าวมาแล้วข้างต้น

ทั้งนี้ หาก กกต.พิจารณาแล้วมีความเห็นประการใด กรมสอบสวนคดีพิเศษขอความอนุเคราะห์ให้ กกต.ได้กรุณาแจ้งยืนยันมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายในวันที่ 10 ก.พ. 2568 ว่ามีความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต.ประสงค์จะรับไว้ดำเนินการสอบสวนเอง และความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต.ประสงค์จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน หรือ กกต.จะรับดำเนินการสอบสวนเองในการกระทำความผิดทางอาญาทุกข้อกล่าวหาทุกฉบับกฎหมาย หรือประสงค์จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนในการกระทำความผิดทางอาญาทุกข้อกล่าวหาและทุกฉบับกฎหมาย เพื่อที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจักได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป.