จากกรณี ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 ขออนุญาตพ่อ-แม่ ไปเที่ยงงานวัดกับเพื่อน เพียงเพราะอยากดูหมอลำชื่อดังแสดงโชว์ แต่ภายหลังกลับถูกวัยรุ่นต่างถิ่นทำร้ายร่างกายขณะกินข้าวอยู่หน้าโบสถ์ ส่วนเพื่อนบาดเจ็บต้องเร่งส่งตัวไปรักษายังรพ. ภายหลังพ่อ-แม่ทราบข่าวหัวใจสลาย ยืนยันว่าลูกชายเป็นเด็กเรียนดีเป็นความหวังของพ่อแม่ ไม่เคยมีไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทที่ไหน นาน ๆ ครั้งจะขอออกไปเที่ยวนอกบ้านสักที ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ ยืนยันเอาเรื่องผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด

‘พ่อ-แม่’ ร่ำไห้แทบขาดใจ ลูกชายวัย 14 ปี ไปดูหมอลำในวัด โดนวัยรุ่นต่างถิ่นแทงดับหน้าโบสถ์

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 22 ก.พ. พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.คุณาวุฒิ สมบัตินันท์ ผกก.สภ.กลางใหญ่ นำกำลังตำรวจสืบสวน จับกุม นายหิรัณย์หรือ “คิง” (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี และนายเวฟ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ชาวบ้านนาหลวง หมู่ 4 ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ผู้ก่อเหตุใช้มีดแทง ด.ช.เอ เสียชีวิต โดยจับกุมได้ที่เถียงนา ท้ายหมู่บ้านนาหลวง

จากการสอบสวน นายคิง ให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้มีดแทงผู้ตายจริง เพราะมีเรื่องทะเลาะชกต่อยกับวัยรุ่นกลุ่มบ้านผักบุ้ง โดยเมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 โดยพวกตนได้มาเที่ยวงานบุญผะเหวด ที่บ้านกลางใหญ่ ต.กลางใหญ่ มีหมอลำระเบียบวาทศิลป์มาแสดง เพื่อนรุ่นน้องในกลุ่มโดนกลุ่มวัยรุ่นบ้านผักบุ้งทำร้าย จึงเก็บความแค้นเอาไว้ 3 วันต่อมา คืนวันที่ 21 ก.พ. 68 กลุ่มพวกตนได้ชวนกันไปดูหมอลำ “สาวน้อยลำเพลินโชว์” ที่งานบุญผะเหวดบ้านผักบุ้ง โดยตนและนายเวฟ ได้พกมีปลอกผลไม้มาด้วย

ก่อนเกิดเหตุ พวกตนเต้นอยู่หน้าเวทีหมอลำ มีนายเติ้ล มาบอกว่าพบคนที่ทำร้ายเมื่อ 3 วันก่อน ตนและกลุ่มเพื่อนรวม 5 คน ได้เดินตามนายเติ้ลไป จนถึงหน้าโบสถ์ ซึ่งนายเติ้ลได้เดินไปชี้ผู้ตาย ว่าเป็นกลุ่มคู่อริที่ทำร้ายเมื่อ 3 วันก่อน ตนจึงเข้าไปรุมทำร้าย และตนได้ใช้มีดแทงที่ท้อง ส่วนนายเวฟได้แทงที่หลัง จากนั้นก็ต่างวิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปหลบซ่อนที่เถียงนา และนำมีดอีกเล่มไปทิ้งในไร่อ้อย ก่อนจะหนีไปหลบอยู่เถียงนา พอตอนเช้าก็มารู้ว่าคนที่ถูกแทงเสียชีวิต ตนรู้สึกเสียใจ สำนึกผิดที่ทำลงไป อยากขอโทษผู้ตาย และครอบครัวผู้ตายด้วย

จากนั้นตำรวจได้คุมตัว นายคิง และ นายเวฟ ไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่วัดราชบำรุง ซึ่งมาทราบภายหลังว่าผู้ตายไม่ได้อยู่ในกลุ่มคู่อริและไม่ได้ไปร่วมทำร้าย ซึ่งพอชาวบ้านผักบุ้งรู้ข่าว ว่าตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาทำแผน ต่างก็ได้ขี่รถ จยย. ออกมาดูการทำแผน พร้อมกับตะโกนด่าทอ ผู้ต้องหาทั้งสอง ด้วยความแค้นใจ ตำรวจใช้เวลาชี้จุดทำแผนประมาณ 10 นาที จึงรีบนำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ขึ้นรถกลับโรงพัก เพราะเกรงว่าชาวบ้านที่กำลังโกรธแค้นจะมารุมประชาทัณฑ์

จากการสอบสวนสวนผู้ต้องหาให้การว่า ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 เคยมีปัญหาทะเลาะกับผู้ตายมาก่อน โดยปกติตามหมู่บ้านจะมีบุญประจำปี ซึ่งเด็กวัยรุ่นต่างหมู่บ้านจะมีเหตุทะเลาะกันประจำ จนวันเกิดเหตุผู้ต้องหามาเที่ยวงานบุญประจำปีที่หมู่บ้านคนตาย มาเจอกลุ่มผู้ตายซึ่งเป็นคู่อริเก่า ก็เลยมีการชกต่อยทำร้ายร่างกาย เพราะเขาว่าเป็นการเอาคืน ผู้ต้องหาเตรียมอาวุธมีดมาด้วย ขณะชกต่อยเป็นการรุมทำร้าย ผู้ต้องหาที่ 1 แทงเข้าที่ท้อง คนที่ 2 แทงเข้าที่ด้านหลัง แทงเสร็จก็ทิ้งมีดไว้ที่เกิดเหตุ แล้วหลบหนีไป จนกระทั่งตำรวจติดตามไปจับกุม และมารู้ตอนเช้าว่าผู้บาดเจ็บเสียชีวิต และสำนึกผิด ตำรวจได้แข้งข้อหา “ร่วมฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ซึ่งได้แยกผู้ต้องหาเป็น 2 ส่วน คือกลุ่มที่ใช้มีดแทง และกลุ่มที่รุมทำร้ายมี 4 คน ก็จะเรียกตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.