เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่มายังบ้านสะพานหินบน หมู่ 3 ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี เพื่อติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริง ตลอดจนความคืบหน้ากรณีข้อร้องเรียนมีการบุกรุกทำแปลงปลูกทุเรียนบนเกาะกลางเขื่อนคิรีธาร เนื้อที่กว่า 100 ไร่ แบ่งแยกออกเป็นหลายแปลง โดยได้เดินทางมาพบกับชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ทำกิน อยู่ในเขตที่ได้รับการร้องเรียนในการชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ที่มารอฟังความชัดเจนจากหน่วยงานเจ้าภาพที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรที่ดินทำกิน ซึ่งมีบางจุดไม่ชัดเจน สร้างประเด็นทุนจีนบุกรุกที่ป่าปลูกทุเรียน ส่งผลทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ต้องตกเป็นจำเลยสังคมเป็นผู้ร้ายทำลายทรัพยากรของชาติ พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการตรวจสอบความคืบหน้า จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่างๆ ว่าพื้นที่ที่ได้รับการร้องเรียนมีเนื้อที่เท่าไหร่ กี่แปลง อยู่ในเขตพลังงานไฟฟ้า หรือเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลหรือไม่อย่างไร
โดย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ยอมรับว่า หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และผู้บังคับการตำรวจภูธรจันทบุรี รวมถึงท้องถิ่น จึงมีความชัดเจนว่าพื้นที่ใน 2 อำเภอ ที่ทับซ้อนของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานและกรมป่าไม้ ยืนยันไม่มีกลุ่มทุนจีน หรือทุนเทา ตามที่มีการกล่าวอ้างร้องเรียน ชาวบ้านที่เคยทำกินอยู่ปัจจุบัน ก็สามารถทำกินต่อได้ตามปกติ แต่ไม่สามารถบุกรุกเพิ่มเติมได้อีกต่อไปแล้ว

จากนั้นได้เดินทางลงพื้นที่เข้าตรวจสอบบริเวณแปลงทุเรียนที่มีการร้องเรียนเพื่อดูสภาพที่แท้จริง เบื้องต้นพื้นที่ดังกล่าว มีลักษณะเป็นเกาะอยู่ในอ่างเก็บน้ำคิรีธาร และมีการดำเนินการถมดินเพื่อทำเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างริมเขื่อนเข้าไปถึงตัวเกาะกลาง
ในส่วนทางด้าน ส.ป.ก.จันทบุรี ได้ชี้แจงว่า เป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้มอบให้ ส.ป.ก. นำมาดำเนินการปฏิรูปที่ดิน หลังตรวจสอบอย่างละเอียดและทำการส่งคืนให้กับกรมป่าไม้ เหลือที่ดินอยู่จำนวน 25,224 กว่าไร่ อยู่ในพื้นที่สองตำบลของ อ.ขลุง คือ ต.ตกพรม และ ต.บ่อเวฬุ ซึ่งตามข้อเท็จจริงยังไม่ได้มีการนำมาปฏิรูปที่ดินให้กับใคร เพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างการทับซ้อนระหว่างสองหน่วยงานคือสหกรณ์และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หลังจากนี้ ส.ป.ก. จะเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ทับซ้อนกับผู้ที่ถือครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายต่อไป

ขณะที่ นายกรรชัย มีกระโดน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.บ่อเวฬุ บอกว่า วันนี้ชาวบ้านเดินทางมาร่วมรับฟัง และอยากเห็นความชัดเจนของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน/ป่าไม้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของ จ.จันทบุรี ที่จะให้ความชัดเจนกับชาวบ้านในสิทธิทำกิน ซึ่งชาวบ้านทำกันมานาน และยืนยันว่า ทุนจีนนั้นเป็นคำที่รุนแรง และกล่าวอ้างสำหรับคนทำสวนในพื้นที่ดินที่รัฐมอบให้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ตกเป็นจำเลยสังคมทุกวันนี้ อยากได้สื่อที่เป็นกลางมาฟังความคิดเห็นจากชาวบ้าน ไม่บิดเบือนข้อมูลความจริง