เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย นายโกมล พรมเพ็ง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ และนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการ ปปง. ร่วมกันแถลงรายละเอียดการส่งมอบทรัพย์สินที่ยึดและอายัดไว้จากคดีพิเศษที่ 76/2566 กรณี เครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ “แม่มนต์” ให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงิน
พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า การส่งมอบทรัพย์สินที่ได้จากการยึดและอายัดในครั้งนี้ สืบเนื่องจากกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 76/2566 กรณี กลุ่มผู้กระทำผิดมีการโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันโดยผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ “แม่มนต์” มีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 67 คณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 38 ราย ต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในความผิดฐาน “ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน ร่วมกันฟอกเงินและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 18 ราย และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมอีก 20 ราย
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยอีกว่า ในปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนสามารถยึดและอายัดทรัพย์สินซึ่งเกี่ยวข้องในคดี มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่ส่งมอบให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในครั้งนี้ ประกอบด้วย เครื่องประดับ ทองคำ อัญมณี สินค้าแบรนด์เนม พระเครื่อง รถยนต์ 14 คัน รถบ้าน 1 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน เงินสด และอื่น ๆ เพื่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากคดีความผิดมูลฐาน การส่งมอบของกลางในวันนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการปราบปรามเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์และขบวนการฟอกเงิน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันจะขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดต่อไป
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ได้จับกุม นายศรวุฒิ (สงวนนามสกุล) และ น.ส.ผกามาศ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาเครือข่าย “แม่มนต์” ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1894/2567 และ 1901/2567 ลงวันที่ 26 เม.ย. 67 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันเข้าถึงบัญชีธนาคารของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ของตน ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ร่วมกันฟอกเงิน ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มีพฤติการณ์เป็นนายทุนเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายแม่มนต์ ซึ่งเครือข่ายแม่มนต์มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยว่า การทำงานของดีเอสไอ ทำงานสอดรับกับนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือ นโยบายปราบปรามด้านภัยออนไลน์ อาชญากรรมทางออนไลน์ วันนี้ถือเป็นหนึ่งผลงานที่ได้ปราบปรามเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ คือ เครือข่ายแม่มนต์ และดีเอสไอ ก็ได้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดส่งให้แก่ ปปง. เพื่อให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
ส่วน ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กล่าวว่า สำหรับการแกะรอยเครือข่ายแม่มนต์ได้นั้น เราได้เดินหน้าตามมาตรการเชิงรุกโดยศูนย์สืบสวนไซเบอร์ของกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ที่มีการโฆษณาชักชวนให้มีการเล่นพนัน โดยเฉพาะเรื่องหวยออนไลน์ หรือสลากกินรวบ แต่หลังจากนั้นเราได้ขยายผลไปสู่การพนันเครือข่ายประเภทอื่น ๆ ซึ่งก็อยู่ในเครือข่ายนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เราไม่พบว่าเครือข่ายนี้ได้ซื้อ License เว็บพนันมาจากต่างประเทศแต่อย่างใด เพราะพบเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเป็นหลัก แต่จะมีในของส่วนต่างประเทศหรือไม่ อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบในคดีพิเศษอื่น ทั้งนี้ ผู้ต้องหาในเครือข่ายทั้งหมดมี 38 ราย เราจับกุมได้แล้ว 18 ราย ภาพรวมส่วนใหญ่คือการจับกุมกลุ่มนายทุนของเครือข่าย โดยบทบาทของนายทุนนั้นมี 3 กลุ่ม คือ กลุ่มนายทุน กลุ่มการบริหารจัดการ และกลุ่มบัญชีม้าหรือระดับปฏิบัติการ.