นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้ออกแถลงการณ์สมาคม โดยระบุว่า ยังไม่พอใจมาตรการพยุงราคาข้าวเปลือกนาปรังปี 67/68  ของกระทรวงพาณิชย์ที่ออกมาทั้ง 3 มาตรการ เพราะข้อจำกัด และขีดความสามารถของการใช้งบประมาณ อีกทั้งยังอาจเปิดช่องให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย รวมถึงความไม่พร้อมเรื่องโรงสี ที่สำคัญ มาตรการต่างๆ ไม่ตรงตามความเดือดร้อนของเกษตรกร ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้อนุ นบข.ด้านการตลาด ทบทวนและวางมาตรการใหม่ตามที่เกษตรกรร้องขอ 5 ข้อ ดังนี้

1.ขอให้ภาครัฐพิจารณามาตรการประกันราคาข้าวเปลือกเจ้าในฤดูนาปรังปีการผลิต 68 โดยความชื้นไม่เกิน 15% ราคาไม่ต่ำกว่า 12,000 บาทต่อตัน และความชื้นไม่เกิน 25% ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท 2.พิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในกรณีงดเผาตอซังฟางข้าว ไร่ละ 500 บาท 3.ควบคุมปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยา และน้ำมันเชื้อเพลิง 4.หาแนวทางชดเชยพื้นที่เกษตรกรที่ใช้เป็นทุ่งรับน้ำ 5.พิจารณาโครงการไร่ละ 1,000 คงเดิม เพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องต้นทุนการผลิต และขอให้ภาครัฐพิจารณาให้สิทธิกับกลุ่มเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวไปแล้วในทุกมาตรการอย่างเท่าเทียมกัน

“มาตรการที่ประชุมอนุ นบข.ด้านการตลาด อนุมัติเมื่อวานนี้ ฝ่ายเลขาฯ เป็นผู้นำเสนอ ไม่ใช่ข้อเสนอของสมาคม โดยเฉพาะมาตรการฝากเก็บตันละ 1,500 บาท ก็มีข้อจำกัดสหกรณ์ไม่มีกำลังพอ ซึ่งสมาคมได้ท้วงติงไปหลายประเด็น แต่ก็ยังมีมติออกมา ทั้งๆ ที่มาตรการที่ออกมาทั้งหมด ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นของสมาคมชาวนาเลย”  

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าในการประชุมคณะอนุ นบข.ด้านการตลาด เมื่อวาน ตัวแทนทางสมาคมชาวนา ได้ออกมาร่วมแถลงยืนยันว่า มีความพอใจในมาตรการระดับหนึ่ง และหากราคาข้าวเปลือกสดที่ตันละ 8,500 บาท เป็นราคาที่ชาวนาอยู่ได้