ผลจากการศึกษาวิจัยล่าสุดพบว่า การเปิดพัดลมดูดอากาศหรือเปิดหน้าต่างขณะเข้าห้องน้ำมีความสำคัญต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะช่วยลดอันตรายจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้

รายงานการวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Risk Analysis โดยเป็นการวิจัยตามหลังการทดลองในอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งในประเทศจีน 

นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอันตรายที่ซ่อนอยู่ของ “ละอองชีวภาพ”  (อนุภาคและไวรัสในอากาศที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้หากเข้าสู่ร่างกาย) ที่มีการปลดปล่อยออกมาและล่องลอยอยู่ในอากาศภายในห้องน้ำ โดยจำกัดพื้นที่การศึกษาอยู่ในห้องน้ำสาธารณะ 2 แห่งของสำนักงาน 

สิ่งที่น่ากังวลคือ นักวิจัยพบว่ามีแบคทีเรียที่เป็นอันตราย 2 ชนิด ได้แก่ อีโคไลและสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียสในห้องน้ำเกินระดับที่ยอมรับได้ซึ่งกำหนดโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) หลังจากที่ผู้คนกดชักโครก

การสูดดมอนุภาคเหล่านี้เข้าไปอาจทำให้คุณมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย และอาเจียนได้

ในการวิจัย นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจวัดการปล่อยละอองที่มีเชื้อสารที่มีเชื้อสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียสและอีโคไลภายใต้สภาวะการกดชักโครกและการระบายอากาศที่แตกต่างกันในห้องน้ำทั้งสองแห่ง 

ผลจากการวิเคราะห์ชี้ว่า ทั้งในห้องน้ำที่ใช้ส้วมนั่งยองซึ่งพบได้ทั่วไปในประเทศแถบเอเชียและในห้องน้ำที่ใช้โถส้วมชักโครกแบบตะวันตกที่มีอ่างล้างหน้าด้วยนั้น มีความเข้มข้นของแบคทีเรียทั้งสองชนิดสูง

แต่เมื่อมีการเปิดระบบระบายอากาศในห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างที่เปิดอยู่หรือพัดลมดูดอากาศ จะลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนแบคทีเรียลงได้ถึง 10 เท่า

“ผลการวิจัยของเราเน้นย้ำถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพประการสำคัญที่เกิดจากการสัมผัสละอองลอยชีวภาพในห้องน้ำสาธารณะ” วาจิด อาลี นักศึกษาปริญญาเอกสาขาสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยธรณีวิทยาแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้เขียนหลัก ของรายงานฉบับนี้กล่าว “การปรับปรุงระบบระบายอากาศโดยเพิ่มประสิทธิภาพพัดลมดูดอากาศและอัตราการแลกเปลี่ยนอากาศให้เหมาะสม จะช่วยลดความเข้มข้นของละอองลอยชีวภาพและความเสี่ยงของประชาชนที่อาจสัมผัสละอองลอยเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ที่มา : ladbible.com

เครดิตภาพ : Jan Antonin Kolar on Unsplash