เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ศูนย์เวชศาสตร์เขตเมืองราชพิพัฒน์เพื่อการฟื้นฟูและประคับประคอง เขตทวีวัฒนา น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานพิธีฝ่ายฆราวาส เปิดหอพระพะเยาว์ จิตกระโชติ และอาคารคิลานุปัฏฐาก (หอผู้ป่วยวชิรคุณาธาร) ดูแลพระภิกษุสงฆ์อาพาธ เพื่อรองรับและดูแลพระภิกษุสงฆ์ที่มีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังหรืออยู่ในระยะประคับประคอง โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “คิลานุปัฏฐาก” ที่มุ่งเน้นการดูแลพระสงฆ์แบบองค์รวม ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

โดยมี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ประธานสมัชชามหาคณิสสร เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัด กทม. น.ส.พะเยาว์ จิตกระโชติ ผู้บริจาคที่ดิน ผู้บริหารสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย ร่วมพิธี

จากสถานการณ์สุขภาพพระภิกษุสงฆ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เผชิญกับความท้าทายด้านสุขภาพหลายประการ อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง อันส่งผลต่อปัญหาสุขภาพของพระภิกษุสงฆ์ในระยะยาว และจากข้อมูลการตรวจคัดกรองสุขภาพพระภิกษุและสามเณรในกรุงเทพฯ จำนวน 50 วัด รวม 2,016 รูป พบไขมันในเลือดสูง 50.47% เสี่ยงความดัน-เบาหวาน 16% ตลอดจนปัญหาสุขภาพจิตจากภาระหน้าที่ทางศาสนา การปรับตัวกับสังคมเมือง และความคาดหวังของชุมชน โรคผู้สูงอายุ พระภิกษุสงฆ์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ มักพบปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และความต้องการการดูแลต่อเนื่อง

ด้วยเหตุนี้ กทม. โดย รพ.ราชพิพัฒน์ ได้เล็งเห็นปัญหาและให้ความสำคัญในการส่งเสริมดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ ตลอดจนการดูแลพระภิกษุสงฆ์ที่อาพาธป่วยติดเตียง ให้ได้รับการดูแลรักษา ฟื้นฟูร่างกายตามพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก เพื่อช่วยให้พระภิกษุสงฆ์อาพาธคลายความกังวลในช่วงอาพาธ หลังจากฟื้นฟูร่างกายสามารถกลับมาปฏิบัติศาสนกิจของพระสงฆ์ได้ตามปกติ

จึงได้เปิดบริการพระภิกษุสงฆ์อาพาธในพื้นที่ศูนย์เวชศาสตร์เขตเมืองเพื่อการฟื้นฟูและประคับประคอง รูปแบบผู้ป่วยใน ชื่อ หอผู้ป่วยวชิรคุณาธาร จำนวน 9 เตียง เพื่อให้บริการพระภิกษุสงฆ์อาพาธที่จำวัดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มีอาการอาพาธ มีการเปลี่ยนทางร่างกาย ความต้องการดูแลต่อเนื่องหรือฟื้นฟู ต้องการการดูแลแบบประคับประคอง รวมถึงกลุ่มพระภิกษุสงฆ์อาพาธที่ไม่สามารถกลับไปพำนักต่อที่วัดได้ด้วยข้อจำกัดของการดูแล เป็นต้น

และเปิดศาลาธรรมขึ้นภายในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติฝั่งฆราวาสได้มีโอกาสในการทำบุญ ตักบาตร ถวายสังฆทาน รับฟังธรรมะหรือเสวนาธรรม อีกทั้งยังเพิ่มคุณค่าในชีวิตของพระภิกษุสงฆ์ที่พำนักอยู่ภายในหอผู้ป่วย นอกจากนี้เพื่อให้การดูแลแบบประคับประคองดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมเป็นสะพานบุญผ่านมูลนิธิชีวาร่วมใจได้เช่นเดียวกัน

รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า สำหรับโครงการคิลานุปัฏฐากที่ผ่านมานั้น กทม. ได้ดำเนินการผ่านกิจกรรมร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ อาทิ การอบรมพระสงฆ์ให้มีความรู้ด้านสุขภาพและส่งเสริมให้วัดเป็นศูนย์กลางสุขภาพของชุมชน การพัฒนาศักยภาพพระสงฆ์ให้เป็นพระคิลานุปัฏฐาก หรือพระภิกษุสงฆ์จิตอาสาเพื่อส่งเสริมสุขภาพประจำวัด รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีให้กับพระสงฆ์

สำหรับการเปิดบริการพระสงฆ์อาพาธในรูปแบบผู้ป่วยในที่หอผู้ป่วยวชิรคุณาธาร รพ.ราชพิพัฒน์ สังกัด กทม. เพื่อให้การดูแลพระภิกษุสงฆ์ที่อาพาธอย่างเหมาะสมและเป็นการดูแลแบบองค์รวมโดยสหสาขาวิชาชีพและสอดคล้องกับวิถีแห่งสมณเพศ และเมื่ออาการดีขึ้นก็จะมีศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัยให้บริการดูแลติดตามอาการผู้ป่วยให้มีการฟื้นฟูร่างกายอย่างต่อเนื่อง ผ่านระบบ BMA Home Ward

รวมถึงการให้บริการโรงพยาบาลออนไลน์ ผ่านศูนย์ UMSC ของโรงพยาบาล ซึ่งถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญของการยกระดับการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยในระยะประคับประคอง (Palliative Care) แบบครบวงจร และพร้อมจะเดินหน้าพัฒนาและขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมอบรมถวายความรู้แก่พระภิกษุสงฆ์จิตอาสา ภายใต้โครงการคิลานุปัฏฐาก จำนวน 2 รุ่น เพื่อส่งเสริมสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และดูแลสุขภาพอนามัยตามหลักพระธรรมวินัย รวมถึงพัฒนาเครือข่ายพระคิลานุปัฏฐาก หรือพระภิกษุสงฆ์จิตอาสา เป็นแกนนำดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์กันเองภายในวัดและขยายผลสู่ประชาชนในชุมชน โดยจะมีการวางแผนดำเนินการต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติต่อไป.