เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพว่า ระยะนี้มีข่าวที่เด็กอายุน้อยป่วยจากสูบบุหรี่ไฟฟ้าปรากฏถี่ขึ้น อย่างเช่นข่าวเด็กประถมศึกษาปีที่ 6 ที่อาการวิกฤติจากดื่มน้ำกระท่อมและสูบบุหรี่ไฟฟ้า ตามที่ปรากฏเป็นข่าววันนี้นั้น เป็นการยืนยันสิ่งที่ตนพูดมาหลายครั้งหลายโอกาสว่า “เด็กๆ ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งร่างกายทุกส่วนของเด็กอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโต และจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่ออายุ 25 ปี และในระหว่างที่อวัยวะต่างๆ กำลังเจริญเติบโตนี้ หากมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเข้าสู่ร่างกาย ก็จะส่งผลต่อการพัฒนา การเจริญเติบโตของอวัยวะนั้นๆ เกิดการหยุดชะงัก หรือเกิดความผิดปกติของอวัยวะหรือการทำงานของอวัยวะ

“เด็กๆ หรือวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า สองอวัยวะของร่างกายที่จะได้รับอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้ามากที่สุดคือ สมอง และปอด อันเป็นผลจากการที่เด็กได้รับนิโคตินและสารเคมีพิษอื่นๆ ที่มีในบุหรี่ไฟฟ้า ในปริมาณมาก จากการที่บุหรี่ไฟฟ้าสูบง่ายและสูบได้ตลอดเวลา” ศ.นพ.ประกิต กล่าว และว่า นี่เป็นสิ่งที่พวกผู้ใหญ่ที่เรียกร้องสิทธิที่จะสูบบุหรี่ไฟฟ้า ควรจะต้องอ่าน

ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า จุดยืนขององค์การอนามัยโลก คือ บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายโดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น และโดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง สำหรับประเทศไทย ความสามารถในการปกป้องเด็กและวัยรุ่นจากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเรา ยังมีจุดอ่อนมากๆ ในสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในประเทศไทย การห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า จะจัดการได้ง่ายกว่า ในการที่จะป้องกันเด็กและวัยรุ่นจากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อเทียบกับการให้เปิดขายได้ถูกกฎหมาย แต่หากมีการเปิดให้ขายถูกกฎหมาย จะยิ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงเด็กและวัยรุ่นว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย หรืออันตรายน้อย ดังนั้นยืนยันว่า สำหรับประเทศไทย การห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าจึงเป็นนโยบายที่ดีที่สุด ในการที่จะป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า ที่เสี่ยงจะติดไปตลอดชีวิต.